นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่น MCOT NEWS FM100.5 ถึงสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่น PM2.5 ที่รุนแรงในปีนี้ เนื่องจากความแห้งแล้งที่มาเร็วกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น กาญจนบุรี ตาก และหลายจังหวัดในภาคเหนือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณ 620 ล้านบาท ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ใช้ดำเนินมาตรการควบคุมไฟป่า ลดฝุ่น PM2.5 และป้องกันผลกระทบต่อประชาชน
นายอรรถพล กล่าวว่า หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการจ้างประชาชนในพื้นที่ป่าและพื้นที่เสี่ยงมาช่วยเฝ้าระวังและควบคุมไฟป่า โดยตั้งจุดเฝ้าระวัง 1,313 จุดใน 17 จังหวัดภาคเหนือ แต่ละจุดมีประชาชน 3 คนช่วยสอดส่อง หากพบไฟหรือควันต้องแจ้งเจ้าหน้าที่หรือดับไฟเบื้องต้น โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดไฟป่า แต่ยังสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยจ่ายค่าตอบแทน 9,000 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 4 เดือน (36,000 บาท) และชุดดับไฟพิเศษจะได้รับ 11,000 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ รัฐบาลส่งทหาร 1,070 นาย ลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงสูงและสร้างความร่วมมือกับประชาชนในการป้องกันการเผาป่า ทหารจะขอความร่วมมือจากชาวบ้านในการหยุดการเผาป่า และช่วยแจ้งเบาะแสการลักลอบเผา ในบางพื้นที่ที่เป็นเขตอุทยานฯ หรือป่าสงวน จะมีชุดลาดตระเวนพิเศษออกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า กรมอุทยานฯ ได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งไปใช้จัดหาอุปกรณ์ดับไฟเพิ่มเติม เช่น เครื่องเป่าลม ถังน้ำ และอุปกรณ์ดับไฟแบบพกพา เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟป่าได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งจุดจอดพักชั่วคราวในป่าเพื่อให้เจ้าหน้าที่พักระหว่างปฏิบัติงานและสามารถส่งเสบียงหรืออุปกรณ์ช่วยเหลือได้สะดวกขึ้น
ฉะนั้น การเผาพื้นที่เกษตรเป็นสาเหตุหลักของไฟป่าและฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะการเผาไร่อ้อยและการเผาป่าเพื่อหาของป่า กรมอุทยานฯ จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้ลดการเผาและใช้วิธีฝังกลบแทน หลายจังหวัดเริ่มประกาศห้ามเผาใบอ้อยและพื้นที่เกษตรใกล้ป่า ส่วนบางพื้นที่ที่ต้องกำจัดเชื้อเพลิงสะสมก่อนฤดูไฟป่า กรมอุทยานฯ ใช้การเผาควบคุมเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของทุ่งหญ้า ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่าและป้องกันไม่ให้สัตว์ออกมาหากินในชุมชน
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ไฟป่ารุนแรงส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์ที่เคลื่อนที่ช้า กรมอุทยานฯ จึงควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลามไปยังที่อยู่อาศัยของสัตว์ และติดตามสถิติไฟป่าย้อนหลัง 10 ปี เพื่อวางแผนป้องกัน ปัจจุบันพื้นที่เกษตรกรรมยังเป็นจุดฮอตสปอตหลัก แต่คาดว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง พื้นที่ป่าจะเกิดไฟป่าเพิ่มขึ้น กรมอุทยานฯ จะติดตามสถานการณ์และปรับแผนรับมือให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM2.5 ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ทหาร ประชาชน และเกษตรกร หากทุกคนช่วยกันเฝ้าระวังและป้องกัน จะสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ