พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ทิศทางข่าว” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติจีน เดินทางมาไทยเพื่อตรวจสอบและหาทางแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์รวมถึงขบวนการค้ามนุษย์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาว่า เป็นการสะท้อนความล้มเหลวในการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทย และจำเป็นต้องปฏิรูประบบการทำงานอย่างเร่งด่วน
“เรากำลังถูกตั้งคำถามจากต่างชาติว่าทำไมถึงปล่อยให้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการของอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซนเตอร์และค้ามนุษย์ ทำไมเจ้าหน้าที่ไทยไม่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้” พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวต่อว่า การปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาชญากรรมข้ามชาติขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งคำถามถึงบทบาทของผู้มีอำนาจว่า “มีใครรู้สึกเสียหน้าบ้างหรือไม่ ที่ต้องให้ต่างชาติมาจัดการปัญหาในบ้านเรา”
นอกจากนี้ พ.ต.อ.วิรุตม์ ยังกล่าวอีกว่ายังมีปัญหาเรื่องด่านตรวจสอบที่ไร้ประสิทธิภาพ แม้ไทยจะมีทั้งด่านถาวรและด่านชั่วคราวหลายแห่ง รวมถึงมีกำลังทหารและตำรวจประจำการ แต่ยังพบว่ามีการลักพาตัวและเคลื่อนย้ายผู้เสียหายผ่านด่านเหล่านี้ได้โดยง่าย ผู้เสียหายไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวต่อว่า ปัญหาการรับส่วยในระบบ ถือเป็นอีกเป็นหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้การปราบปรามอาชญากรรมไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่การควบคุมอาจไม่เข้มงวดเพียงพอ
ฉะนั้นการขาดเอกภาพในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ยังขาดความชัดเจน ทำให้การแก้ไขปัญหาล่าช้าและไม่เป็นระบบ
พ.ต.อ.วิรุตม์ ยังเสนอว่าควรปฏิรูประบบการบังคับบัญชาตำรวจ โดยให้สังกัดกระทรวงมหาดไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและสั่งการ รวมถึงการกระจายอำนาจให้จังหวัดสามารถจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีเอกภาพมากขึ้น
“ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ แต่เป็นเรื่องของความล้มเหลวในการบริหารจัดการของเราเอง หากไม่แก้ไขอย่างจริงจัง ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสายตานานาชาติจะยิ่งเสื่อมถอย” พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในไทยยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการปราบปรามอาชญากรรม การปรับปรุงระบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ และการสร้างความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของรัฐบาลไทย ในการดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศไทย