น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Go Thailand 2025: Women Run the World” จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ เน้นย้ำบทบาทของสตรีในทุกมิติของสังคม พร้อมชี้ว่าประเทศไทยมีซีอีโอหญิงมากเป็นอันดับสามของโลก และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบันก็มีผู้หญิงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ยังน้อยเมื่อเทียบกับนานาประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อาชีพและความสามารถไม่ควรถูกจำกัดด้วยเพศ พร้อมสะท้อนประสบการณ์ส่วนตัวว่า การเป็นผู้หญิงในตำแหน่งผู้นำมักถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับรูปลักษณ์มากกว่าศักยภาพ ซึ่งไม่ควรเป็นมาตรวัดความสามารถของใคร
“ดิฉันเป็นทั้งคุณแม่ ลูกสาว และภรรยา มีหลายบทบาท แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด เราทุกคนต้องสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองและครอบครัว ดิฉันอยากให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเอง และเติบโตขึ้นมาด้วยพื้นฐานของความรักตัวเอง เพราะหากเรารักตัวเองไม่มากพอ ก็ยากที่จะส่งต่อความรักให้คนอื่น”
“ดิฉันเข้าใจดีว่าในการมายืนอยู่ตรงนี้ ด้วยความเป็นผู้หญิง แน่นอนล่ะโดนปรามาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงอายุน้อย หรือใดๆ ก็ตาม เรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่มาตรวัดความรู้ความสามารถของเพศใดเลย มันไม่ใช่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนนั้นมีความสามารถที่เพียงพอหรือไม่ แต่นั่นคือรูปลักษณ์ภายนอก คือความชอบ ความมั่นใจของแต่ละคน
ถ้าดิฉันสอนลูกดิฉันเอง ก็คงอยากให้เขาเห็นค่าของตัวเอง ให้เขาทราบว่าค่าของเขาอยู่ที่ตัวของเขา ในการที่จะเติบโตขึ้นมาด้วยความที่ยังมีพื้นฐานที่รักตัวเองมากพอที่จะส่งมอบความรักต่อให้คนอื่นได้ ถ้ายังรักตัวเองไม่มากพอ ชอบตัวเองไม่มากพอ เราก็จะไม่มีแรงในการที่จะรักหรือไปชอบคนอื่นได้ อันนี้คือสิ่งสำคัญ” น.ส.แพทองธารกล่าว
พร้อมย้ำถึงสิทธิความเท่าเทียมของทุกเพศ และเชื่อมั่นว่าคนไทยมีศักยภาพสูง เพียงแต่ต้องได้รับโอกาสที่เหมาะสม พร้อมส่งสารถึงเยาวชนว่า “ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ขอเพียงเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง และเติบโตขึ้นมาเป็นคนคุณภาพ”
อย่างไรก็ตามรัฐบาลยืนยันเดินหน้าสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ และส่งเสริมโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่