“ทุกความล้มเหลว ซ่อนโอกาสแห่งการเติบโต ขอแค่เราไม่หยุดเดิน”

สาลี่ (13)-min

คุณพันชนะ วัฒนเสถียร ผู้ก่อตั้ง “เชฟแห่งความสุข” และบริษัท ออน เดอะ พลาโต จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ล้มได้ ลุกไว ไปต่อ” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงชีวิตที่ผ่านการพลิกผันหลายครั้ง ตั้งแต่นักศึกษานิติศาสตร์ที่ใฝ่ฝันจะเรียนต่อต่างประเทศ จนกลายเป็นนักธุรกิจเกษตรกรรม และในที่สุดก้าวเข้าสู่วงการอาหารและการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
“ทุกความล้มเหลว ซ่อนโอกาสแห่งการเติบโต ขอแค่เราไม่หยุดเดิน” คุณพันชนะ กล่าว
คุณพันชนะ กล่าวต่อว่า เส้นทางการทำงานของเธอเริ่มจากการเรียนจบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายจะสอบชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศ แต่เกิดอุบัติเหตุตกรถเมล์จนซี่โครงร้าว ทำให้ไม่สามารถสอบตามแผนที่วางไว้ เกรดเฉลี่ยตกลง ฝันในการเรียนต่อจึงพังทลาย หลังจากนั้นเริ่มทำงานเป็นทนายความอิสระ ก่อนจะเข้าทำงานกับมูลนิธิอมตะตั้งแต่ปี 2544 ในตำแหน่งผู้อำนวยการกองศิลปวัฒนธรรม และสื่อสิ่งพิมพ์ จนเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการมูลนิธิอมตะ ผลงานที่ภาคภูมิใจ ได้แก่ หนังสือ “ผมจะเป็นคนดี” ที่ติดอันดับขายดีตลอดกาล และ “คาถาชีวิต” ที่ทำงานร่วมกับ 7-11

คุณพันชนะ กล่าวต่ออีกว่า ต่อมาได้เป็นผู้จัดการคาราวาน Caravan Asia ของคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ที่เดินทางท่องโลกเอเชีย และกลับไปใช้ชีวิตที่เขาใหญ่ แต่ตอนนั้นเขาใหญ่ยังไม่บูม ซึ่งมองว่าที่นี่มีศักยภาพในการสร้างงาน และประโยชน์ให้กับชุมชน จึงเริ่มมองหาธุรกิจที่สามารถจ้างงานคนได้มากๆ จนตัดสินใจเปิดธุรกิจร้านอาหาร โดยไม่คิดถึงเรื่องขาดทุนหรือกำไร แต่เน้นที่ผลกระทบที่ส่งคืนให้กับชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม ทางร้านใช้วัตถุดิบและแรงงานจากคนในชุมชน เพราะฉะนั้น เธอยังให้ความสำคัญกับการจดเครื่องหมายการค้า ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งช่วยรักษาธุรกิจแม้จะเจอปัญหาทางการเงินและการถูกโกง
นอกจากนี้ ปี 2558 ตัดสินใจลาออกจากการเป็นผู้จัดการมูลนิธิอมตะและมาทำธุรกิจร้านอาหารเพื่อชุมชน “เป็นลาว” ที่เขาใหญ่ โดยจริงจัง และร้านนี้ได้รับรางวัล บิบ กูร์มองด์ มิชลิน อีกทั้งยังขยายสาขาที่ 2 ที่หัวหิน และมีร้าน “อันหยังก็ได้” ที่สิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีโครงการเพื่อสังคมต่างๆ เช่น “Food For Fighters” ที่ช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในช่วงโควิด-19 และโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เขาใหญ่ รวมถึง Car Free Day

คุณพันชนะ กล่าวอีกว่า “ความล้มเหลวคือบทเรียน และทุกการเปลี่ยนแปลงคือโอกาส” โดยเธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมากมาย ทั้งการพลาดโอกาสทางการศึกษา การเปลี่ยนอาชีพ และการเผชิญปัญหาหลายด้านในการบริหารธุรกิจ แต่เธอไม่เคยหยุดเดิน และเลือกใช้ธุรกิจเป็นเครื่องมือในการสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ผลงานที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้น 7 ชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2567

อย่างไรก็ตาม เส้นทางชีวิตของนางสาวพันชนะเป็นตัวอย่างที่ดีของการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา จากนักกฎหมายสู่ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร ผู้บริหารมูลนิธิ นักพัฒนาเพื่อสังคม และสุดท้ายก้าวเข้าสู่การเป็นนักธุรกิจร้านอาหารที่สร้างแบรนด์ได้อย่างแข็งแกร่ง

 

แท็ก