อย่าชะล่าใจ! กลั้นปัสสาวะบ่อย เสี่ยงติดเชื้อ-นิ่ว-ไตวาย ถึงชีวิต

สาลี่ (1)-min

 

พญ.วรรณิยา มีนุ่น นายเเพทย์ชำนาญการ อายุรเเพทย์โรคไต กลุ่มงานอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สุขภาพดี 4 ทุ่ม” ทางคลื่นข่าว MCOT NEWS FM100.5 ถึงอันตรายของการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ซึ่งอาจนำไปสู่โรคทางเดินปัสสาวะและไตที่ร้ายแรง ซึ่งการกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ หรือเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต ไตวาย และในกรณีรุนแรงอาจนำไปสู่ การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งเป็นภาวะที่อาจทำให้เสียชีวิตได้

พญ.วรรณิยา กล่าวว่า การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานอาจทำให้แบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะเจริญเติบโต ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (UTI) นอกจากนี้ยังอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวผิดปกติ หรือเกิดนิ่วในไตจากแร่ธาตุที่ตกค้างในปัสสาวะ สาเหตุของโรคทางเดินปัสสาวะมักเกิดจากการกลั้นปัสสาวะ เพราะเชื้อโรคที่ควรจะถูกขับออกจากร่างกายกลับกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อ โดยการตกค้างของแร่ธาตุในปัสสาวะสามารถทำให้เกิดนิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะได้ ส่วนภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวจะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นและกลั้นไม่อยู่

พญ.วรรณิยา อธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชายในการเกิดโรคทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้น ทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย นอกจากนี้ ผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่ลดลงทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอลง แม้ว่าผู้ชายจะมีโอกาสเป็นโรคน้อยกว่า แต่ผู้ชายสูงวัยที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการกลั้นปัสสาวะเช่นกัน

ฉะนั้น กลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาควบคุมการปัสสาวะ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและไตเสื่อม ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนที่มีการลดลงของฮอร์โมนทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอลง ผู้หญิงที่ท่อปัสสาวะสั้นทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย ผู้ชายที่มีภาวะต่อมลูกหมากโตที่ทำให้ปัสสาวะไม่สะดวก รวมถึงผู้ที่มีโรคทางเดินปัสสาวะหรือโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและไตเสื่อม และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตหรือการเคลื่อนไหวที่จำกัดซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถไปห้องน้ำได้ทันที

นอกจากนี้ หากกลั้นปัสสาวะนานหรือมีปัญหาทางเดินปัสสาวะ อาจพบอาการที่ต้องระวัง เช่น ปัสสาวะแสบหรือขัด สีขุ่น ปัสสาวะบ่อยแบบกะปริบกะปรอย ปวดท้องน้อย หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบและรับการรักษาที่เหมาะสม

พญ.วรรณิยา ยังกล่าวอีกว่า การมีเพศสัมพันธ์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะในผู้หญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะอยู่ใกล้ช่องคลอด ทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย แพทย์แนะนำว่า หลังจากมีเพศสัมพันธ์ควรดื่มน้ำและปัสสาวะทันที เพื่อช่วยลดจำนวนเชื้อโรคที่อาจเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ

สาเหตุหลักของโรคทางเดินปัสสาวะจากการกลั้นปัสสาวะ ได้แก่:
-เชื้อแบคทีเรียสะสมในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการติดเชื้อ
-ปัสสาวะตกค้างนานเกินไป ทำให้แร่ธาตุตกผลึกและกลายเป็นนิ่ว
-กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไว

วิธีป้องกันโรคทางเดินปัสสาวะ:
-ไม่ควรกลั้นปัสสาวะโดยไม่จำเป็น ควรเข้าห้องน้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
-ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
-หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อย
-ปัสสาวะทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
-รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ และเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังหลังเข้าห้องน้ำ

พญ.วรรณิยา กล่าวเสริมว่า สำหรับการรักษาด้วยตัวเอง หากเป็นอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเล็กน้อย อาจดื่มน้ำมาก ๆ และหลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ เพื่อช่วยล้างเชื้อโรคออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ แต่หากมีอาการไข้สูง ปวดหลัง หรือปัสสาวะเป็นเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที สำหรับผู้ที่มีปัญหาปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นไม่อยู่ อาจฝึกควบคุมการปัสสาวะโดยการกำหนดเวลาเข้าห้องน้ำให้เป็นระบบ เพื่อช่วยลดอาการและเพิ่มการควบคุม

อย่างไรก็ตาม การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต ภาวะไตวาย หรือแม้กระทั่งภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะแสบขัด ปวดหลัง หรือเป็นไข้ ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

 

แท็ก