สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ เดือด! ยก 2 ลามทั่วโลก ไทยต้องเดินเกมรอบคอบ

สาลี่(8)

ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แชร์เล่าข่าวเด็ด” ทางคลื่น MCOT NEWS FM100.5 ถึงกรณีสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าจีนหลายรายการ ซึ่งทำให้จีนตอบโต้กลับทันทีด้วยมาตรการภาษีชุดใหม่ ส่งผลให้ทั่วโลกต้องจับตาผลกระทบที่อาจลุกลามเป็นวิกฤตเศรษฐกิจในระดับโลก

ดร.ปณิธาน กล่าวต่อว่า สหรัฐฯ ได้ตัดสินใจปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% พร้อมกับยกเลิกข้อยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อคน (De Minimis) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศที่มีมูลค่าสูงถึง 401.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ต้นทุนการส่งออกของบริษัทอีคอมเมิร์ซจีนเพิ่มสูงขึ้น และอาจทำให้บริษัทจีนสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งในสหรัฐฯ แม้ว่ามาตรการนี้จะช่วยเพิ่มรายได้จากภาษีให้กับสหรัฐฯ ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว อาจมีผลกระทบต่อราคาสินค้า ซึ่งจะกระทบกับผู้บริโภคทั้งสองประเทศ โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่การเจรจาเพิ่มเติมระหว่างสหรัฐฯ และจีน เพื่อหาทางลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและลดความตึงเครียดทางการค้า

ดร.ปณิธาน กล่าวว่า มาตรการตอบโต้ของจีนในรอบนี้รวดเร็ว และเฉียบคม รวมถึงการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 10-15% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งรวมถึงสินค้าประเภทถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบ อุปกรณ์ทางการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เพราะจีนได้สำรองพลังงานและปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้นแล้ว ทำให้จีนไม่ได้เสียเปรียบมากนัก

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น สงครามยูเครน-รัสเซีย ที่เชื่อมโยงกับเกมการเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ต้องการให้จีนเข้ามามีบทบาทในการกดดันรัสเซีย และอาจใช้สงครามการค้าเป็นเครื่องต่อรอง ในขณะเดียวกันก็พยายามสกัดกั้นจีนไม่ให้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการทหาร ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ดำเนินมายาวนานโดยอาศัยความร่วมมือจากยุโรปและพันธมิตร

ดร.ปณิธาน กล่าวอีกว่า ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าครั้งนี้เช่นกัน โดยไทยอาจมีโอกาสส่งออกสินค้าไปยังจีนมากขึ้นหากจีนลดการนำเข้าจากสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็ได้ส่งสัญญาณเตือนว่าไม่ต้องการให้ไทยรับการย้ายฐานการผลิตจากจีนมากเกินไป เพราะอาจเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรในอนาคต ไทยจึงต้องดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ ไม่ควรเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป และควรหาทางเลือกที่สมดุลเพื่อใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้ากดดันจีนอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ทั้งทางเศรษฐกิจและการทหาร ขณะที่จีนก็ตอบโต้ทุกความเคลื่อนไหว ส่งผลให้ความขัดแย้งทางการค้ายืดเยื้อ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาว สงครามการค้านี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจ ซึ่งอาจกระทบต่อทุกประเทศและพลิกโฉมโครงสร้างเศรษฐกิจโลกไปอย่างถาวร

 

แท็ก