สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตั้งศูนย์ปราบผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายรายสำคัญ ระดมทีมมือปราบ ลุยล้างบางอิทธิพลเถื่อนทั่วประเทศ
.
เมื่อวันที่ 6 ก.พ.68 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ มี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ทำหน้าที่รองผู้อำนวยการศูนย์ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(CIB)
.
โดยศูนย์ปราบผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ก่อตั้งขึ้น พ.ศ.2546 ซึ่งสภาพการณ์ของปัญหาผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในอดีตยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ผู้มีอิทธิพลได้ขยายเครือข่ายอิทธิพลเข้าสู่ชนชั้นทุกระดับของสังคม รวมถึงมือปืนรับจ้างทำงานให้กับผู้มีอิทธิพล หรือรับจ้างฆ่าคนตามงานที่สั่งของผู้ว่าจ้าง ยังก่ออาชญากรรมเป็นที่สะเทือนขวัญกับประชาชนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
.
ปี 2564 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. ได้พิจารณาเห็นว่า พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง นั้นเป็นมือปราบผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง มาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อเป็นการรับมือกับอาชญากรรมที่เปลี่ยนไปและอนาคต จึงต้องเปลี่ยนชื่อศูนย์ใหม่เป็น ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสาคัญ โดยมี พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ช่วยขับเคลื่อน และพร้อมต่อกรกับอาชญากรและผู้มีอิทธิพลทุกรูปแบบ ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์และเป็นที่ยอมรับเชื่อมั่นของประชาชนทุกคน
.
กระทั่งปี 2568 สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป จากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หลายเหตุการณ์ก็เป็นเรื่องของความขัดแย้งของผลประโยชน์ทางการเมือง ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เช่น กำนันนก, กราดยิง สจ.โต้ง ในพื้นที่ ปราจีนบุรี เป็นต้น นายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายให้ปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างจริงจัง
.
พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้จัดมีการประชุม พร้อมด้วยคณะทำงานฯ จำนวน 50 ท่าน เดินทางมาประชุมจากทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อน และรับมอบนโยบาย พร้อมกำชับแผนปฏิบัติกวดขัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้มีพฤติกรรมเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพลและให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส และเป็นผู้ช่วยในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการรับมือกับอาชญากรรมที่เปลี่ยนไป เราจึงต้องเปลี่ยนแปลงในทุกวินาที เพื่อเป็นหน่วยงานมืออาชีพที่ต้องปราบปรามอาชญากรรมและเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้อย่างแท้จริง แม้ในบางครั้งจะพบอุปสรรคทำให้ยากลำบากต้องต่อสู้กับความเหน็ดเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เราไม่เคยท้อถอยหรือหยุดพัก เพราะเรารู้ว่าความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนนั้นรอไม่ได้