นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ว่า ซื้อเสียง คือต้นเหตุ การโกง
เมื่อองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ มีวัตถุประสงค์ดำเนินงานด้านต่อต้านการทุจริต ได้เปิดเผย คะแนนโปร่งใสของประเทศไทย ประจำปี 2567 ได้ 34 คะแนน อยู่ในอันดับ 107 ของโลก (ปี 2023 ได้ 35 คะแนน อยู่อันดับ 108 ของโลก) และเป็นอันดับ 5 ของกลุ่มอาเซียน แต่ขยับขึ้น 1 อันดับมาอยู่ที่ 107 จาก 180 ประเทศทั่วโลก
จะเห็นได้ว่าสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันของประเทศไทย ยังไม่มีหนทางที่ดีขึ้นเลย มีแต่ทรงกับทรุด และแนวโน้มจะแย่ลงมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบด้านการทุจริตล้มเหลวเกือบทั้งหมด ตั้งแต่องค์กรอิสระที่ตรวจสอบการเข้าสู่ตำแหน่ง คือคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) และองค์กรอิสระที่ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้บริหาร ระดับสูงของหน่วยราชการ อีกหลายองค์กรล้มเหลว รวมถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ไม่สามารถใช้หลักนิติรัฐนิติธรรม อำนวยความยุติธรรมกับประชาชนได้ ยังมีความเหลื่อมล้ำและการบังบังคับใช้กฎหมายแบบ2มาตรฐาน ให้เห็นอยู่เป็นประจำ
ถ้าตราบใดระบบการเลือกตั้งของประเทศ ยังมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันทุกระดับ ตั้งแต่การเมืองระดับชาติจนถึงการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นมะเร็งร้ายของสังคมไทยเพราะการซื้อเสียงคือจุดเริ่มต้นการทุจริต เมื่อเข้าสู่อำนาจการทุจริตย่อมเกิดขึ้น มีการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่สูงมาก เมื่อเข้าสู่ตำแหน่งแล้ว มีการถอนทุนคืน ด้วยการทุจริตเงินงบประมาณของรัฐ จากโครงการต่างๆ อย่างแน่นอน
จึงทำให้กระบวนการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงจนถึงระดับล่าง ประกอบกับโครงสร้างของสังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกัน แก้ปัญหาแบบรูปหน้าปลายจมูก ก็ไม่สามารถที่จะขจัดปัญหาคอร์รัปชันได้
จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมการจัดลำดับความโปร่งใสของประเทศไทย อยู่ในลำดับรั้งท้ายเสมอ และไม่ขยับขึ้นเลย ทำให้กลุ่มคนภาคประชาสังคมที่ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน รู้สึกสิ้นหวังกับกลไกการตรวจสอบของภาครัฐทั้งหมด