แพทย์ยืนยัน โรคลมชักรักษาได้ แนะสังเกตอาการ-ปฐมพยาบาลถูกวิธี

ja(211)

 

นพ.อภิมิตร โรจนวัฒน์ศิริเวช จากสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สุขภาพดี 4 ทุ่ม” ทาง FM100.5 ว่า โรคลมชักเป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าในสมอง ซึ่งสามารถเกิดได้ในทุกวัย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ แม้จะพบมากในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน

อาการของโรคลมชัก

หลายคนเข้าใจว่าโรคลมชักมีแค่การชักเกร็งทั้งตัว หรือที่เรียกว่า “ลมบ้าหมู” แต่จริงๆ แล้วโรคลมชักมีหลายรูปแบบ อาการอาจแตกต่างกัน เช่น บางคนอาจเหม่อลอย สะดุ้ง หรือกระตุกเฉพาะที่แขนขา โดยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคลมชัก ซึ่งอาจทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง นพ.อภิมิตรแนะนำว่า หากมีอาการเหล่านี้บ่อยๆ ควรสังเกตและปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง

สาเหตุและปัจจัยกระตุ้นโรคลมชัก

โรคลมชักเกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าในสมอง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม การติดเชื้อในสมอง อุบัติเหตุที่กระทบสมอง เนื้องอกในสมอง หรือภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ ปัจจัยกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดอาการชัก ได้แก่ การอดนอน ไข้สูง แสงวูบวาบจากจออิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรทัศน์หรือเกมคอมพิวเตอร์ ความเครียด การใช้สารกระตุ้น เช่น แอลกอฮอล์ หรือยาเสพติด

ปฐมพยาบาลเมื่อพบผู้ชัก

เมื่อพบผู้ที่มีอาการชัก ควรปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อป้องกันอันตราย:
– จับผู้ป่วยนอนตะแคง เพื่อป้องกันการสำลักและเปิดทางเดินหายใจ
– เก็บของมีคมและสิ่งของรอบตัวให้พ้นจากผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงบาดเจ็บ
– ห้ามใส่สิ่งของหรืออุดปากผู้ป่วย เพราะอาจทำให้ฟันหักหรือเกิดอันตราย
– จับเวลาอาการชัก หากชักเกิน 5 นาที หรือผู้ป่วยหมดสติไม่ฟื้น ต้องรีบส่งโรงพยาบาลทันที

โรคลมชักรักษาได้ ไม่ใช่โรคติดต่อ

นพ.อภิมิตรย้ำว่า โรคลมชักสามารถรักษาได้ ด้วยการใช้ยาอย่างต่อเนื่องภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยยาสามารถควบคุมอาการชักได้กว่า 70% ของผู้ป่วย ส่วนผู้ป่วยบางรายที่ไม่ตอบสนองต่อยา แพทย์อาจพิจารณาวิธีอื่น เช่น การผ่าตัด หรือการกระตุ้นเส้นประสาทเวกัส

การดูแลและคำแนะนำจากแพทย์

การดูแลผู้ป่วยโรคลมชักที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการขาดออกซิเจนหรือความเสียหายต่อสมอง นพ.อภิมิตรกล่าวว่า หากผู้ป่วยมีอาการชักยาวเกิน 5 นาที ต้องรีบเรียกรถพยาบาลทันที เพราะอาจส่งผลต่อสมองได้หากชักนานเกิน 10-15 นาที

บางคนอาจมีอาการเหม่อลอยหรือไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นอาการของโรคลมชักบางประเภท อาจหายไปเองหลังจากใช้ยานาน 4-5 ปี นอกจากนี้ การควบคุมอาหารแบบคีโตเจนิกที่เน้นไขมันสูงและคาร์โบไฮเดรตต่ำ อาจช่วยลดอาการชักได้ แต่ควรทำภายใต้คำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

สำหรับกิจกรรมทั่วไป เช่น การดำน้ำหรือปีนเขา ผู้ป่วยโรคลมชักที่อาการควบคุมได้ดีสามารถทำได้ตามปกติ แต่ต้องระมัดระวังในบางกิจกรรมที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการชัก

การขอใบขับขี่

ผู้ป่วยโรคลมชักสามารถขอใบขับขี่ได้ หากอาการได้รับการควบคุมดีและไม่มีอาการชักเกิดขึ้นเกิน 1 ปี การรักษาโรคลมชักต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องและการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติและปลอดภัย

 

แท็ก