นพ.ธิติ ดวงสร้อยทอง รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาระบบสุขภาพจากสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) เผยในรายการ “สุขภาพดี 4 ทุ่ม”ทาง MCOT NEWS FM100.5 เตือนถึงอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการเติมสารเสพติดและสารนำสลบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะ “บุหรี่ซอมบี้” หรือ “บุหรี่ผีดิบ” ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น
นพ.ธิติกล่าวว่า “บุหรี่ซอมบี้” เป็นสารนำสลบที่มีฤทธิ์ทำให้ผู้สูบมึนงง หรือหมดสติทันทีที่สูบเข้าไป สารชนิดนี้ใช้ในการสลบของผู้ป่วยในการแพทย์ แต่เมื่อนำมาใช้ในบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ผู้สูบสูญเสียการควบคุมร่างกายอย่างรวดเร็วถึงขั้นเสียชีวิตได้หากได้รับในปริมาณมากเกินไป นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมจากการใช้สารนี้ในสถานบันเทิงเพื่อเพิ่มความมึนเมา
อันตรายของสารนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเสียชีวิตในระยะสั้น แต่ยังส่งผลร้ายต่อระบบต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะระบบหายใจและหัวใจ เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน อีกทั้งยังมีการผสมสารเสพติดอื่นๆ เช่น น้ำมันกัญชา และยาเค ซึ่งเสี่ยงต่อการติดสารและทำให้สุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ
จากการรายงานของ สบยช. พบว่าเยาวชนบางคนได้รับการรักษาอาการฉุกเฉินจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในขณะที่ไม่รู้ว่ามีสารอันตรายผสมอยู่ในนั้น จึงขอให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
พร้อมยกตัวอย่างจากกรณีข่าวเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องจริงที่มันอาจทำให้เกิดความเสียหายที่ปอด และเราไม่ควรละเลยว่ามีสารอื่นๆ ที่อาจผสมลงไปด้วย กรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ปอดของเด็กมีการพัฒนาที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ และการพัฒนาเต็มที่ของอวัยวะต่างๆ จะเกิดขึ้นเมื่ออายุ 18 ปี หรืออาจจะถึง 25 ปีตามบางการศึกษา ซึ่งหมายความว่า ถ้ามีการแนะนำสารที่เป็นอันตรายเข้าร่างกายก่อนที่จะพัฒนาเต็มที่ ก็จะส่งผลได้มากกว่าที่จะเกิดกับผู้ใหญ่ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือลดการใช้สารเหล่านี้ แต่ถ้าต้องใช้ก็ควรจะให้ร่างกายพัฒนาจนเต็มที่เสียก่อน
ยิ่งเด็กเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้าหรือสารอื่นๆ ในช่วงต้นเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งมีโอกาสที่ร่างกายจะเกิดผลเสียมากเท่านั้น และในกรณีที่รุนแรง การทำงานของปอดอาจล้มเหลวจนต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจตลอดชีวิต หรือบางกรณีก็อาจจะต้องมีการปลูกถ่ายปอด แต่ว่าการหาผู้บริจาคปอดที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องยาก และในโรงพยาบาลใหญ่ๆ การปลูกถ่ายปอดอาจจะเกิดขึ้นได้เพียงปีละครั้งหรือสองครั้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ครอบครัวต้องเผชิญกับความกังวลอย่างมาก
กรณีของเด็กที่บุรีรัมย์ก็ไม่เกินจริงที่เด็กที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามาแค่ 2 ปีจะเกิดอาการปอดล้มเหลวเกือบทั้งหมด เพราะปอดของเด็กยังไม่พัฒนาเต็มที่เหมือนผู้ใหญ่ และยังมีปัจจัยเสี่ยงอย่างเช่นการมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับปอดหรือการแพ้อาจจะทำให้มีผลร้ายมากขึ้น
ส่วนในเรื่องของสารที่ทำให้เกิดความเสียหายมากที่สุดในบุหรี่ไฟฟ้า คือสารที่ใช้เป็นเบส เช่น อีไซโคลเฮกเซนและกลีเซอรีน สารเหล่านี้จะถูกแนะนำให้เข้าสู่ปอด ซึ่งในปกติแล้วปอดจะมีการป้องกันตัวเองโดยการขับสารที่เป็นอันตรายออกไป แต่สารเหล่านี้จะทำให้ระบบการทำงานนี้ผิดปกติ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและความเสียหายที่ปอดในระยะยาว หากใครที่เลิกใช้บุหรี่ไฟฟ้าในภายหลัง ร่างกายอาจจะเริ่มขับสารพิษออกไปบ้าง แต่หากใช้ไปเป็นระยะเวลานาน สารเหล่านี้ก็จะสะสมทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
เราจะเห็นกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือนจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้เกิดหลังจากการใช้งานเป็นปีๆ เหมือนบางคนคิด และเด็กๆ เป็นกลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุดเพราะปอดยังไม่แข็งแรงเหมือนผู้ใหญ่ ดังนั้นการสัมผัสกับสารอันตรายตั้งแต่เนิ่นๆ จึงทำให้เกิดความเสียหายได้เร็วและรุนแรงมากขึ้น
เราจำเป็นต้องสร้างความตระหนักและให้ความรู้ โดยเฉพาะในโรงเรียน ให้ทั้งเด็กและผู้ปกครองเข้าใจถึงความเสี่ยง รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่เพื่อป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าและสารอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น บทบาทของโรงเรียนและชุมชนมีความสำคัญในการสังเกตพฤติกรรมเสี่ยงและให้คำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหานี้จากการขยายตัว
นอกจากนี้ สารต่างๆ อย่างเช่น กระท่อม ที่ปัจจุบันมีการขายทางออนไลน์ ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน แม้ว่าจะมีใบกระท่อมเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในหลายประเทศ แต่เมื่อมันถูกนำมาผลิตเป็นรูปแบบเข้มข้น ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น การล้มเหลวของไตเฉียบพลัน นี่เป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในคนรุ่นใหม่ที่อาจไม่เข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และการที่สามารถหาซื้อได้ง่ายทางออนไลน์ทำให้การควบคุมการแพร่กระจายยากขึ้น