นพ.จรัสศักดิ์ เรืองพีระกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง Dermatologist ประจำศูนย์การแพทย์พีระกุลและสะเก็ดเงิน เผยในรายการ “สุขภาพดี 4 ทุ่ม” ทาง MCOT NEWS FM100.5 เรื่อง “โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังและอาการถอนสเตียรอยด์” โดย นพ.จรัสศักดิ์ อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น อากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว รวมถึงฝุ่นละออง อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือเคยใช้สเตียรอยด์เป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ภูมิต้านทานลดลงและเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงบทบาทของสเตียรอยด์ในการรักษาโรคผิวหนัง โดย นพ.จรัสศักดิ์ ชี้แจงว่าสเตียรอยด์เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ และมีประโยชน์ในการควบคุมระบบภูมิคุ้มกันและการอักเสบ อย่างไรก็ตาม สเตียรอยด์ที่เป็นสารสังเคราะห์ เช่น ยาทา ยากิน หรือยาฉีด อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหากใช้เป็นเวลานานเกินไป โดยทั่วไป การใช้สเตียรอยด์เพื่อรักษาผิวหนังอักเสบเรื้อรังมักจำกัดอยู่ที่ 1-2 สัปดาห์ และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
สำหรับอาการถอนสเตียรอยด์ที่หลายคนกังวล นพ.จรัสศักดิ์ อธิบายว่า แม้สเตียรอยด์จะไม่ใช่สารเสพติด แต่หากใช้เป็นระยะเวลานาน ร่างกายจะเกิดภาวะพึ่งพา ทำให้เมื่อลดหรือหยุดใช้กะทันหัน อาจเกิดอาการ เช่น ผื่นเห่อ ใบหน้าร้อนวูบวาบ คัน แสบร้อน หรืออักเสบรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการหยุดใช้สเตียรอยด์ควรปรึกษาแพทย์เพื่อค่อยๆ ปรับลดปริมาณอย่างเหมาะสม
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดถึง คือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสเตียรอยด์ในอดีตที่เคยถูกนำไปผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดเพื่อให้ผิวขาวใส ซึ่งแม้ว่าจะทำให้ผิวดูขาวขึ้นจริง แต่ก็เป็นอันตรายเพราะอาจทำให้ผิวบางและเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงระยะยาว
ทั้งนี้ นพ.จรัสศักดิ์ เน้นย้ำว่า สเตียรอยด์ไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไป แต่ก็ไม่ใช่ยาวิเศษ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
นอกจากนี้ นพ.จรัสศักดิ์ ยังกล่าวถึงอาการของผู้ที่ติดสเตียรอยด์และพยายามเลิกใช้ โดยบางรายมีอาการหนาวสั่นแม้จะอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส เนื่องจากร่างกายไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามปกติ วิธีบรรเทาอาการที่แนะนำคือการดื่มน้ำอุ่น ซึ่งช่วยให้ร่างกายอบอุ่นจากภายในได้ดีกว่าการห่มผ้าหรือใช้ถุงน้ำร้อน
นอกจากนี้ การดื่มน้ำอุ่นยังช่วยกระตุ้นการขับเหงื่อและปัสสาวะ ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการถอนสเตียรอยด์ซึ่งมักมีเหงื่อน้อย ทำให้ของเสียสะสมในร่างกายมากขึ้น หากสามารถกระตุ้นการขับเหงื่อและปัสสาวะได้ จะช่วยให้กระบวนการถอนสเตียรอยด์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับกรณีที่อาการหนักมากจนไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยน้ำอุ่น อาจใช้ยาพาราเซตามอลช่วยลดอาการได้บ้าง แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่ติดต่อกันเป็นเวลานานเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงต่อตับ
ในบางรายที่ได้รับสเตียรอยด์เป็นเวลานาน อาจเกิดการสะสมของของเสียในร่างกายจนทำให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบรุนแรง ผิวหนังแข็งเป็นไตคล้ายก้อนมะนาว หรือมีสะเก็ดลอกคล้ายเปลือกมะขามทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นสัญญาณของการสะสมของน้ำเหลืองเสีย หากรุนแรงมาก อาจเกิดการแตกตัวและอักเสบทั่วร่างกายได้
นพ.จรัสศักดิ์ แนะนำว่าผู้ที่ใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานานและต้องการหยุดใช้ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยแพทย์ผิวหนังหรืออายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อสามารถให้คำแนะนำในการลดปริมาณยาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันอาการถอนที่รุนแรงและช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้อย่างปลอดภัย