สำนักข่าวซินหัว อ้างรายงาน เมื่อวันพุธ (12 มี.ค.) ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศว่าจะกำหนดอัตราภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 2.6 หมื่นล้านยูโร (ราว 9.6 แสนล้านบาท) ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมร้อยละ 25

แถลงการณ์จากคณะกรรมาธิการฯ เผยว่าจะยุติการระงับภาษีกับสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เพื่อตอบโต้ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมของสหภาพยุโรป (EU) มูลค่า 8 พันล้านยูโร (ราว 2.95 แสนล้านบาท)

นอกจากนั้น คณะกรรมาธิการฯ กำลังเตรียมเสนอชุดมาตรการตอบโต้ใหม่ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในช่วงกลางเดือนเมษายน เพื่อตอบโต้การจัดเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสหภาพยุโรป มูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านยูโร (ราว 6.65 แสนล้านบาท)

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ลาเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่าเราจะดำเนินมาตรการตอบโต้เป็นสองระยะ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. และจะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 13 เม.ย.

ฟอน เดอร์ เลเยน ประณามการเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐฯ ว่าเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล พร้อมเน้นย้ำว่ามาตรการตอบโต้ที่นำมาใช้มีความเข้มงวดแต่ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยในขณะที่สหรัฐฯ กำหนดภาษีมูลค่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.48 แสนล้านบาท) อียูจึงตอบโต้ด้วยภาษีมูลค่า 2.6 หมื่นล้านยูโร (ราว 9.6 แสนล้านบาท)

อย่างไรก็ดี ฟอน เดอร์ เลเยนเน้นย้ำว่าสหภาพยุโรปยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจา และได้มอบหมายให้มารอช เชฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้าและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ดำเนินการเจรจาอีกครั้งเพื่อหาทางออกร่วมกับสหรัฐฯ

อนึ่ง สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีศุลกากรร้อยละ 25 สำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดในวันพุธ (12 มี.ค.)