“อธิบดีราชทัณฑ์” ลั่น “ความจริงต้องเป็นความจริง” แจงปม “อดีต ผกก.โจ้” เสียชีวิตปริศนา

ฟ้า (7)
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” หรือ ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล ว่า กรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ โดยชุดแรกจะตรวจสอบกรณีที่ครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ร้องเรียนมาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา และชุดที่สองจะตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ โดยมีหน่วยงานภายนอก 3 หน่วยงาน ได้แก่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, ตำรวจ และฝ่ายปกครอง มาร่วมตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความจริง
นอกจากนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังเปิดเผยว่าในวันที่ 11 มี.ค. ทางกรมฯ ได้พาตัวแทนสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และมอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมงตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังการเสียชีวิต เพื่อให้สังคมเห็นข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์จะไม่ปิดบังและพร้อมที่จะเปิดข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากตอนนี้สังคมคาดการณ์ไปต่างๆ นานา แต่สุดท้ายแล้วความจริงก็คือความจริง
“ส่วนรายละเอียดระหว่างวัน อดีต ผู้กำกับโจ้อยู่แดน 5 คนเดียวในห้องแยกควบคุม ตื่นเช้าทำกิจกรรมปกติ มีการพบทนายหรือญาติบ้าง และร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ผู้ต้องขัง แต่วันเกิดเหตุได้มีการเยี่ยมญาติเป็นระยะเวลานานพอสมควร จากนั้นเวลาประมาณ 3-4 โมงเย็น อดีตผู้กำกับโจ้เดินกลับไปยังเรือนนอน ส่วนที่ผ่านมาเคยคุยกับญาตินานถึงไหนก็ต้องไปตรวจสอบ นอกจากนี้ ข้อมูลที่พบว่ามีการพูดคุยโวยวายกับทางญาตินั้น เท่าที่ได้รับรายงานเกี่ยวข้องกับสถานการณ์บางอย่าง เช่น ลักษณะท่าทางแฟนอดีตผู้กำกับเหมือนร้องไห้ ซึ่งมีเสียงบันทึกแต่ไม่สามารถยืนยันได้ และอยู่ระหว่างตรวจสอบ”
ส่วนคำสั่งให้นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ไปปฏิบัติหน้าที่ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมอีกหน้าที่หนึ่ง และให้ นายเผด็จ หริ่งรอด กลับไปทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เพื่อต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม สร้างความเชื่อมั่น โดยนายเผด็จเพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรมต้นเดือน ก.พ.68 ขณะเดียวกันได้มีการสอบสวนนายสิทธิพร ผู้คุม คู่กรณี และไม่อยากพูดในเรื่องนี้ เพราะเหมือนเป็นการกล่าวร้ายอดีตผู้กำกับโจ้ แต่ทุกอย่างมีข้อมูลทั้งหมด พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชน เนื่องจากขณะนี้พบว่าผู้คุมสิทธิพรไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะมีสื่อตามไปสัมภาษณ์ลูกชายผู้คุมซึ่งป่วยซึมเศร้า แต่ยัดเยียดสอบถามต่างๆ จนต้องย้ายที่อยู่ ต้องแยกความเป็นส่วนตัวให้ออก และกลายเป็นละเมิดสิทธิเสียเอง
ขณะที่ข้อกังวลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นกับผู้คุมสิทธิพร ซึ่งได้รับผลกระทบจากสื่อมวลชน ยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องแยกแยะความเป็นส่วนตัวและไม่ควรละเมิดสิทธิส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า การตรวจสอบพฤติกรรมของอดีต ผกก.โจ้พบว่ามีการกระด้างกระเดื่อง โดยการสอบสวนจะดำเนินการอย่างโปร่งใส
อย่างไรก็ตามสำหรับการเคลื่อนย้ายศพและการช่วยเหลือผู้ต้องขังที่มีลักษณะคล้ายจะทำร้ายตัวเองนั้น นายสหการณ์ชี้แจงว่าเป็นมาตรการปกติที่ต้องช่วยเหลือทันทีเมื่อพบเห็นสถานการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดและโปร่งใส
ประเภท : อาชญากรรม
แท็ก