นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล นำผู้เสียหายจากขบวนการค้ามนุษย์ในกัมพูชา ยื่นหนังสือต่อนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม เพื่อขอให้เร่งแก้ปัญหาการค้ามนุษย์
นายจารุวัฒน์ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายหลายคนถูกหลอกไปทำงาน เช่น รักษาความปลอดภัยและแม่บ้าน แต่กลับถูกกักขัง ถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง และยังมีคนไทยกว่า 3,000 คนติดอยู่ในอาคารต่าง ๆ ในกัมพูชา โดยมีเหยื่ออายุน้อยที่สุดเพียง 14 ปี และอายุมากที่สุด 73 ปี หลายคนยังถูกดำเนินคดีอาญา ทั้งที่แท้จริงแล้วพวกเขาคือเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์
ด้านนายกัณวีร์ ระบุว่า นโยบาย “3 ตัด” ของรัฐบาลไทย ที่มุ่งตัดไฟฟ้า น้ำมัน และอินเทอร์เน็ตในเมียนมา ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงกัมพูชา ซึ่งทำให้ขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบ รัฐบาลไทยจึงต้องหามาตรการช่วยเหลือเหยื่ออย่างจริงจัง พร้อมทั้งคัดกรองผู้เสียหายอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ถูกเหมารวมว่าเป็นผู้กระทำผิด
ขณะเดียวกัน เหยื่อที่รอดชีวิตจากขบวนการค้ามนุษย์ เล่าทั้งน้ำตาว่า พวกเขาถูกหลอกด้วยรายได้ที่ล่อตาล่อใจ แต่สุดท้ายกลับถูกขัง ถูกทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศ และบังคับให้ใช้ยาเสพติด บางคนพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้และถูกซ้อมอย่างหนัก
นายพงศ์นริศร์ ภาสินีนนท์ จากศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเหยื่อร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ฯ วันละไม่ต่ำกว่า 5-6 ราย โดยล่าสุดช่วยเหลือชายไทยวัย 21 ปี ที่ถูกทรมานจนไม่สามารถเดินได้
ด้านตำรวจไทยมีการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง แต่ปัญหาที่พบคือ ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติมีการพัฒนาและปรับตัวล้ำหน้ากฎหมายไทย อีกทั้งความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชายังมีข้อจำกัด การแก้ปัญหานี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติ เพื่อกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้น
ด้าน นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า รัฐบาลติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมเผยสถิติการรับแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ในช่วงวันที่ 1 – 31 มกราคม 2568 พบว่ามีการแจ้งความทั้งหมด 31,159 คดี และหลังจากใช้มาตรการ “ตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต” จำนวนคดีลดลงเหลือ 25,487 คดี หรือลดลงเฉลี่ย 20% นอกจากนี้ ข้อมูลจากศูนย์ AOC 1441 ยังระบุว่ามูลค่าความเสียหายลดลงประมาณ 200 ล้านบาทภายในเดือนเดียว
นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ โดยจะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมชายแดน ปราบปรามอาชญากรรม และนำเทคโนโลยีมาช่วยประมวลผลข้อมูลให้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น เพื่อรื้อถอนขบวนการเหล่านี้อย่างจริงจัง พร้อมตั้งเป้าหมายให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น