“รักชนก” จัดหนัก “ครม.ลูกคุณช่างเกี่ยง” ปล่อยปัญหาแก๊งคอลฯ-ทุนเทา ทำลายประเทศ

wewy (5)-min

 

“รักชนก” จัดหนัก “ครม.ลูกคุณช่างเกี่ยง” จงใจปล่อยปละละเลยปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์-สแกมเมอร์ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ “แพทองธาร” เกรงใจกลุ่มทุนเครือข่าย ปล่อยทุนเทาต่างชาติ-ทุนไทยเทาบ่อนทำลายประเทศแลกดีลปีศาจพาพ่อกลับบ้าน
.
น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ เขต 28 พรรคประชาชน อภิปรายปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์และสแกมเมอร์ ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่สอง โดยกล่าวว่า แม้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ สแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซนเตอร์ เหมือนจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล แต่ก็เป็นเพียงภาพลวงตา ผักชีโรยหน้า ที่รัฐบาลอยากให้ประชาชนเชื่อ ความเป็นจริงนายกฯ ยังมีพฤติกรรมที่ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป เพราะขาดภาวะผู้นำ ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ไม่ยอมตัดสินใจ ปล่อยให้เกิดสภาวะเกี่ยงกันทำงานหลายต่อหลายครั้ง จนสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมหาศาล ต้องให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามากดดันถึงจะมีการลงมือ
.
การแก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ให้หมดไปจำเป็นต้องทำลายโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งทุนต่างชาติสีเทาและทุนไทยเทา ที่ร่วมมือกันบ่อนทำลายประเทศไทยด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาด แต่นายกฯ กลับจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราวกับต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่พวกพ้องและกลุ่มทุน ปล่อยให้เกิดการทุจริตในระบบราชการ จนการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ยังไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร
.
มูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงของแก๊งสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซนเตอร์ทั่วโลกมีมากถึง 2.24 ล้านล้านบาท โดยกว่า 50% เกิดขึ้นโดยแก๊งสแกมเมอร์จาก 3 ประเทศ คือ ลาว กัมพูชา และเมียนมา ที่ล้วนมีชายแดนติดกับบ้านเราทั้งสิ้น ความเสียหายทั้งหมดคือตัวเลขที่ทำให้คนไทยประสบภัยรายวัน เพราะถูกขโมยเงินไปจากกระเป๋า บางคนหมดตัวถึงขั้นจบชีวิต
.
รัฐบาลเพื่อไทยเคยตั้งเป้า อยากขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ประเทศไทยเป็นฮับท่องเที่ยว ฮับดิจิตอล ฮับการบิน ฮับขนส่ง แต่ตอนนี้ที่เราเป็นได้คือฮับของคนที่ทำทีว่าเป็นนักท่องเที่ยว แต่แท้จริงเข้ามาทำธุรกิจสีเทา ฮับของเศรษฐกิจดิจิทัลแบบพนันออนไลน์ครบวงจร ฮับของการบินแต่เป็นการบินเข้ามาเพื่อเป็นทางผ่านเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ ฮับขนส่งแต่เป็นการส่งอิฐหินดินปูน ไปสร้างความมั่งคั่งให้แก๊งคอลเซนเตอร์
.
จะเห็นได้ว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ สแกมเมอร์ทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เกี่ยวข้องกับหน่วยงานเป็นสิบหน่วยงาน ต้องใช้อำนาจของนายกฯ เท่านั้นมาแก้ไข ไม่ใช่แค่ฝากใครดูแลแบบส่งๆ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำงานข้ามกระทรวง และต้องตัดสินใจในมาตรการสำคัญๆ เกี่ยวกับมิติความมั่นคง เศรษฐกิจ และต่างประเทศ
.
เริ่มที่ “ต้นน้ำ” อย่างการตัดไฟ เรามีจุดซื้อขายไฟกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด 18 จุด ซึ่งเป็นบริเวณชายแดน 3 ประเทศที่มีสถิติว่ามีแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงคนทั่วโลกสูงสุด ดังนั้นยากที่จะปฏิเสธว่าไฟฟ้าที่หล่อเลี้ยงให้ดินแดนสแกมเมอร์สว่างไสว ส่วนหนึ่งถูกส่งมาจากบ้านเรา แต่กว่าจะตัดไฟได้ตามที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนเสนอ ก็โต้กันไปกันมาระหว่างมหาดไทยกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ จนต้องเรียกว่าเป็น “รัฐบาลลูกคุณช่างเกี่ยง”
.
การตัดไฟเป็นเพียงก้าวแรก ต่อมาคือการตัดอินเทอร์เน็ต ที่เป็นเหมือนท่อน้ำที่หล่อเลี้ยงแก๊งคอลเซนเตอร์ให้มีศักยภาพในการหลอกคนทั้งในไทยและทั่วโลกได้อย่างไม่สะดุด แต่พอไปดูการปราบปรามจะเห็นว่าความคืบหน้าน้อยมาก เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องออกนโยบายให้ กสทช. บังคับให้บริษัทเอกชนรับผิดชอบ แต่มาจนถึงวันนี้ กสทช. กลับเหมือนเป็นตัวถ่วงมากกว่าตัวช่วย ประชาชนอยากเห็นการปราบปรามที่จริงจัง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รู้อยู่แล้วว่าแก๊งคอลเซนเตอร์ตั้งอยู่ตรงไหนบ้าง ควรพิจารณาระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือต้องจัดการเสาสัญญาณให้จริงจังและเข้มข้นกว่านี้
.
ต่อมาคือเรื่อง “ท่าข้าม” ซึ่งเป็นท่าส่งของชั่วคราว ความสำคัญคือมูลค่าเศรษฐกิจชายแดนทั้งหมดของจังหวัดตาก 60% มาจากท่าข้ามส่งของ การขออนุญาตเปิดท่าข้ามอาศัยอำนาจตามกฎหมายศุลกากร โดยต้องยื่นเรื่องไปที่ศูนย์สั่งการชายแดนที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวโต๊ะให้อนุมัติการเปิดใช้ สมช. ได้ให้ข้อมูลไว้ใน กมธ.ความมั่นคงฯ ว่าท่าข้ามที่เปิดใช้ทั้งหมดตอนนี้ จริงๆ เป็นท่าข้ามแบบชั่วคราว ถ้าเสร็จภารกิจแล้วต้องปิด แต่ท่าข้ามในจังหวัดตาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แม่สอด ทุกวันนี้อยู่มานานเหมือนเป็นท่าถาวรไปแล้ว
.
เรื่องการปิดท่าข้ามนั้น ตนถามย้ำใน กมธ.ความมั่นคงฯ หลายครั้งว่าสรุปใครต้องเป็นคนปิดกันแน่ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ มีแต่การโยนกันไปมาระหว่างศุลกากร ผู้ว่าฯ สมช. ตอกย้ำถึงการเป็นรัฐบาลลูกคุณช่างเกี่ยง ดังนั้น ถ้าหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งแก้ไม่ได้ นายกฯ ต้องเป็นคนสั่งการ แต่เรื่องนี้คุยกันมาเป็นปีไม่จัดการ พอฝ่ายค้านตั้งท่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงเพิ่งมาสั่งปิดไปท่าหนึ่ง แบบนี้ควรจะเพิ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกสัปดาห์ นายกฯ จะได้ตั้งใจทุกวัน
.
การดูแลชายแดนที่ปล่อยปละละเลยแบบนี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องมีมาตรการจำกัดพื้นที่ฟรีวีซ่า โดยการห้ามนักท่องเที่ยวเข้าจังหวัดที่มีความเสี่ยง เช่นพื้นที่ชายแดนที่มีปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคประชาชนเสนอเรื่องนี้ เรามารอดูกันว่าเรื่องการจำกัดวีซ่า สุดท้ายนายกฯ กว่าจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดต้องใช้เวลาอีกกี่เดือน
.
ต้นน้ำอีกอย่างคือเรื่องการค้ามนุษย์ เพราะแก๊งเหล่านี้ต้องการแรงงานทาสจำนวนมหาศาล แต่เราเห็นการบุกปราบปรามการค้ามนุษย์น้อยมากจากรัฐบาล จนมีข่าวซิงซิง ดาราจีน โดนหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ รัฐบาลไทยที่นิ่งเฉยมาตลอด อยู่ดีๆ กลับดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ท่ามกลางแก๊งคอลเซนเตอร์มากมายหลายร้อยแก๊ง พื้นที่เป็นพันๆ ตารางกิโลเมตร เหยื่อที่ถูกหลอกนับหมื่นคน แต่รัฐบาลไทยกลับล้วงมือเข้าไปเลือกช่วยออกมาได้แค่คนเดียวเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยกันทั้งโลกว่า ที่ผ่านมาแก๊งมิจฉาชีพกับตำรวจประเทศไทยรู้งานกันอยู่แล้วหรือไม่
.
สรุปคือกระบวนการถอนรากถอนโคนที่ต้นน้ำคืบหน้าไปช้ามาก ดูจากการตัดไฟ รัฐมนตรีเกี่ยงกันทำงาน ความล่าช้านี้สร้างความเสียหายให้ล่วงเลยมาเป็นปี การทำลายเสาสัญญาณอินเทอร์เน็ตและท่าข้าม นายกฯ เพิ่งจะสนใจตอนใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจ การตอบสนองต่อเรื่องการค้ามนุษย์ กลับกลายเป็นว่านายกฯ ให้ความสำคัญกับคนชาติอื่นมากกว่า แค่เริ่มก้าวแรกที่ต้นน้ำยังลำบากขนาดนี้ เพราะเรามีนายกฯ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร ไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
.
น.ส.รักชนกกล่าวว่า ต่อมาคือปัญหาในส่วน “กลางน้ำ” ในการเข้าถึงตัวผู้เสียหาย แก๊งมิจฉาชีพต้องอาศัย ของหลักๆ 4 อย่าง คือ ข้อมูลส่วนตัว ซิมม้า บัญชีม้า และคริปโตเคอร์เรนซี เริ่มจากซิมม้า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อบังคับค่ายมือถือให้จัดการ เราต้องแก้ด้วยการให้ค่ายมือถือร่วมรับผิดชอบด้วย แต่ พ.ร.ก. ที่จะให้ค่ายมือถือร่วมรับผิดชอบ ตอนนี้อยู่ไหน เมื่อไรจะออกมา ในขณะที่รัฐบาลยังไม่ออกกฎหมาย แต่ค่ายมือถือออกนวัตกรรมใหม่ “ประกันภัยไซเบอร์” เป็นแพ็กเกจแบบรายเดือน ฉวยโอกาสเอาปัญหาที่รัฐบาลไม่แก้มาขูดรีดค่ารักษาความปลอดภัยรายเดือนกับประชาชน ประเทศไทยรัฐบาลปล่อยให้ทุนใหญ่เอาเปรียบประชาชนได้ขนาดนี้
.
ถัดมาคือเรื่องบัญชีม้า แม้ปิดได้เยอะแต่ยังไงต่อ จริงๆ แล้วนายกฯ ต้องสั่งให้ขยายผลว่าบัญชีม้าที่เปิดกันเป็นล่ำเป็นสันนั้น มีตัวการใหญ่ที่จ้างคนไปเปิดบัญชีอย่างเป็นระบบหรือไม่ ตอนนี้ธนาคารปิดบัญชีได้หลักล้าน และมีการเก็บข้อมูลเป็นเลขบัตรประชาชน ประมาณ 150,000 คน แต่มีคนถูกดำเนินคดีจริงๆ แค่หลักพันเท่านั้น ที่เหลือทำไมยังปล่อยไว้
.
เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 6233/2564 ให้ผู้เสียหายและธนาคารร่วมรับผิดชอบกันคนละครึ่ง เนื่องจากศาลเห็นว่าธนาคารก็มีส่วนประมาท นี่คือหลังพิงที่ยืนยันว่าการให้ธนาคารร่วมรับผิดชอบสามารถทำได้ รัฐบาลควรออก พ.ร.ก. ร่วมรับผิดชอบ ออกมาบังคับใช้ได้แล้ว เพื่อบังคับให้ธนาคารและค่ายมือถือจัดการปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะมีมติ ครม. รับหลักการไปเกือบ 2 เดือน ตนหวังว่า พ.ร.ก. ฉบับนี้คงไม่หายไปเพราะมีกลุ่มทุนบางกลุ่มพยายามล็อบบี้รัฐบาล
.
อีกเรื่องคือคริปโตเคอร์เรนซี ข้อมูลจากตำรวจไซเบอร์บอกเองว่า 95% ของเงินที่ถูกหลอกลวงมาได้จะถูกโอนเข้าเป็นเหรียญคริปโตทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์มที่อยู่นอกการดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลจัดการอะไรในเรื่องการซื้อขายเหรียญคริปโตบ้าง เคยออกนโยบายให้ กลต. ออกระเบียบมาคุมแพลตฟอร์มให้ครอบคลุมทั้งหมดหรือไม่ หรือออกระเบียบควบคุมการซื้อขายแบบ P2P บ้างหรือไม่ คำตอบคือไม่มีเลย ทั้งที่เป็นจุดสุดท้ายของเงินที่เราจะติดตามได้
.
รู้กันดีว่าคริปโตเคอร์เรนซีเป็นแหล่งฟอกเงินที่สะดวกที่สุด การที่นายกฯ ปล่อยปละละเลยจึงคิดเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากตั้งใจจะไม่ควบคุม ปล่อยให้อะไรเทาๆ อยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตนไม่ได้ต่อต้านคริปโตเคอร์เรนซี แต่ตลาดซื้อขายทุกวันนี้คือสวรรค์ของแก๊งมิจฉาชีพที่นำเงินมาฟอกอย่างง่ายดาย
.
น.ส.รักชนกกล่าวว่า ในกระบวนการ “กลางน้ำ” สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เหยื่อตายใจและถูกหลอกอย่างง่ายดาย คือเมื่อแก๊งมิจฉาชีพมีข้อมูลเชิงลึกของเหยื่อ ที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนหน่วยงานภาครัฐที่ทำข้อมูลรั่วออกข่าวอยู่ตลอด แต่พวกเขาเคยถูกลงโทษบ้างหรือไม่ เมื่อพฤศจิกายน 2567 แฮกเกอร์คนหนึ่งให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าบริษัทเอกชนในไทยไม่ใส่ใจการปกป้องข้อมูลลูกค้า เพราะต่อให้ข้อมูลหลุด ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการลงโทษ ไม่มีค่าปรับตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค ไม่เคยต้องจ่ายเงินชดเชยความผิดพลาดของตนเอง เพราะรัฐบาลอ่อนแอในการบังคับใช้กฎหมาย นี่เราเป็นประเทศแบบไหนที่ปล่อยให้โจรมาสอนรัฐบาล
.
รวมๆแล้ว ในกระบวนการกลางน้ำ การที่เรามีนายกฯ ชื่อแพทองธาร ชินวัตร กลับทำให้ทุกอย่างติดขัดไปหมด เพราะจะแก้เรื่องไหนก็ติดประโยชน์ของกลุ่มทุนใกล้ตัว จะแก้ปัญหาให้ได้ผล หนีไม่พ้นต้องมีการลงโทษให้กลุ่มทุนร่วมรับผิดชอบจ่ายเงิน แต่รัฐบาลเกรงใจทุกคนยกเว้นประชาชน รัฐบาลเห็นประชาชนสำคัญน้อยที่สุด จึงเอาประโยชน์ของประชาชนไว้ทีหลัง
.
มาถึงส่วนสุดท้าย “กระบวนการปลายน้ำ” คือการปราบปรามอาชญากรรมและจัดการอาชญากรทั้งระบบ การบริหารที่ผิดพลาดของนายกฯ แพทองธาร ทำให้ประเทศไทยตอนนี้กลายเป็นสวรรค์ของอาชญากรโดยสมบูรณ์แบบ เรื่องแรกคือการปล่อยให้สิ่งที่เป็นเสมือนเกราะป้องกันด่านแรกสุดของเราคือระบบเก็บอัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) ของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ใช้การไม่ได้ ไม่สามารถเก็บอัตลักษณ์ใครเพิ่มได้อีกแล้ว และไม่สามารถเก็บได้เลยมาตลอดปี 2567
.
เรามีการให้ฟรีวีซ่ากับนักท่องเที่ยวหลากหลายชาติ เห็นแล้วว่าคนที่เข้าประเทศไทยไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยว แต่ยังมีบรรดาแก๊งอาชญากรที่แฝงตัวเข้ามาด้วย ดังนั้นการเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะบางครั้งคนเหล่านี้มีหลายสัญชาติ มีหลายพาสปอร์ต จะทำให้การตรวจจับยิ่งยากขึ้น จึงต้องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล
.
นี่คือเรื่องที่นายกฯ รับผิดชอบโดยตรง เพราะตำรวจอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกฯ ระบบไบโอเมตริกซ์ที่หมดอายุไป สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ก็วางแผนว่าจะมีระบบใหม่มาแทนที่ แต่ต้องใช้เวลากว่าระบบพร้อมใช้งานคือเกือบ 3 ปี แล้วต้องนับตั้งแต่วันที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งปัจจุบันยังร่าง TOR กันอยู่เลย นี่หรือการบริหารงานของมืออาชีพที่มีแต่คำโฆษณา แม้แต่ความปลอดภัยเบื้องต้นยังมอบให้กับคนไทยไม่ได้เลย
.
น.ส.รักชนกตั้งคำถามต่อว่า ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ เราเคยเห็นรัฐบาลจัดการพวกตัวการใหญ่ได้บ้างหรือไม่ จับได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย จัดการตัวเล็กตัวน้อย ทำแบบนี้อีกร้อยปีก็จัดการถอนรากถอนโคนแก๊งคอลเซนเตอร์ไม่ได้ จึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าหรือพวกตัวใหญ่ๆ ในขบวนการเหล่านี้ เกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล
.
ยกตัวอย่างกรณีการสั่งย้าย พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ หรือ “ผู้การต๊ะ” ที่ปัจจุบันถูกสั่งย้ายเนื่องจากข้อกล่าวหาเชื่อมโยงกับ “เมียวดีคอมเพล็กซ์” แต่สั่งย้ายแล้วยังไงต่อ มีการนำไปขยายผลต่อหรือไม่ หลายคนตั้งคำถามว่านายกฯ จะกล้าทำอะไรจริงจังหรือไม่ เพราะเบื้องหลังของคนๆ นี้คือนักการเมืองที่มีอิทธิพลแถวเชียงราย อักษรย่อ ย. ที่ผู้การต๊ะเคยรับใช้ เป็นลูกน้องคนสนิทของพ่อนายกฯ อีกเช่นกัน
.
นอกจากเกี่ยงกันตัดไฟ เกี่ยงปิดท่าข้าม ยังเกี่ยงกันออกหมายจับ “หม่องชิตตู” ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง BGF ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าร่วมกับแก๊งจีนเทาในการสร้างความยิ่งใหญ่ของแก๊งคอลเซนเตอร์ ในพื้นที่ที่ตัวเองควบคุมอยู่ คือ เมียวดี ชเวก๊กโก โดยเป็นการเกี่ยงกันระหว่าง DSI กับ อัยการสูงสุด ตอนนี้ผ่านไปสามสัปดาห์แล้วก็เงียบ ไม่รู้จะออกหมายจับได้หรือไม่ ทั้งที่หม่องชิตตู่มีคดียาวเป็นขบวน ประเทศอื่นประกาศแบล็กลิสต์ ทำไมประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
.
ที่ต้องปราบปรามจัดการให้สิ้นซาก ยังมีนายทุนไทยเทา เจ้าของบ่อนผู้กว้างขวางฉายา “ตือ คอสโม่” ที่เข้าถึงคนในวงการการเมือง เข้าถึงคนในวงการตำรวจ มีบ่อนในประเทศไทย โดนบุกทลายกี่ครั้ง ก็กลับมาเปิดได้เพราะผู้สนับสนุนเบื้องหลังแข็งแกร่ง ถ้านายกฯ แพทองธารจริงจังที่จะจัดการธุรกิจสีเทาแบบที่พูดว่า “ไม่จบไม่เลิก” ก็ต้องกล้าเล่นงานตัวใหญ่ๆ แบบ “ตือ คอสโม่” ให้ได้
.
น.ส.รักชนกกล่าวว่า การตั้งต้นเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีตึก มีอาคาร อิฐหินดินปูน แก๊งมิจฉาชีพต้องใช้ไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตมหาศาล ต้องหลีกหนีกฎหมายในรูปแบบต่างๆ แต่ก็ได้เจ้าหน้าที่รัฐไทย อำนวยความสะดวก “เจอ จ่าย จบ” ถ้ามีเงินมากพอ กฎหมายทุกอย่างสามารถยกเว้นได้ ลองคิดดูว่าถ้าฟันเฟืองใดฟันเฟืองหนึ่งของแก๊งคอลเซนเตอร์ทำงานไม่ดี ทำงานไม่สำเร็จ มันจะตัดจบที่ขั้นตอนนั้นไปแล้ว แต่ทุกอย่างกลับเอื้อให้เขาทำสำเร็จทุกขั้นตอน และเกี่ยวกับประเทศไทยทุกขั้นตอน อาชญากรรมออนไลน์จึงเติบโต
.
ย้ำอีกทีว่า ปัญหาคอลเซนเตอร์ไม่ใช่แค่เรื่องไร้ประสิทธิภาพ แต่คือความจงใจปล่อยปละละเลยเพราะผลประโยชน์ทับซ้อนเบื้องหลังมหาศาล ความหน้าไหว้หลังหลอกของรัฐบาลแพทองธาร คือเขียนสิ่งเหล่านี้ไว้ในคำแถลงนโยบาย แต่พอดูไส้ใน ทุกกระบวนการกลับไม่ลงมือทำอะไรจริงจัง ปัญหาที่ดูเหมือนว่าจะคลี่คลายไป แต่แท้จริงแล้วพร้อมที่จะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลาเพราะรัฐบาลไม่เคยแก้ปัญหาที่ต้นตอแบบถอนรากถอนโคน
.
“ไม่กล้าแตะต้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุน เพราะไม่ว่าจะทุนกลุ่มไหนก็เคยร่วมโต๊ะอาหารกับพ่อนายกฯ ไม่กล้าจัดการไทยเทา การคอร์รัปชันมีในทุกระดับ แต่นายกฯ ทำเป็นมองไม่เห็น ทำให้ประเทศเรากลายเป็นสวรรค์ของมิจฉาชีพ การทำดีลแลกประเทศกับชนชั้นนำและกลุ่มทุนของรัฐบาลนี้ทำให้ปัญหาคอลเซนเตอร์ไม่จบสักที”
.
“ครอบครัวชินวัตรเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เอาอนาคตของทุกชีวิต ไปแลกกับผลประโยชน์ของตระกูลตัวเองหรือไม่ ขโมยโอกาสและความฝันของคนไทยไปทำแลกกับการพาพ่อกลับบ้านแบบไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ด้วยเหตุนี้ ไม่อาจไว้วางใจให้ แพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งต่อไปได้อีกแม้แต่วันเดียว” น.ส.รักชนก ทิ้งท้าย

 

ประเภท : การเมือง
แท็ก