นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี พรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงกรณีการพังถล่มของอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา และส่งผลให้เกิดความสูญเสียในชีวิตของประชาชนจำนวนมาก
นายอัครเดช ระบุว่า คณะกรรมาธิการได้ตรวจสอบประเด็นเกี่ยวกับคุณภาพของเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง โดย สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม รายงานว่า จากการสุ่มตรวจสอบเหล็ก 9 รายการ พบว่าเหล็กข้ออ้อยและลวดเหล็กกล้าตีเกลียว 2 รายการ ได้แก่ DB20 และ DB32 ไม่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งมีข้อกังวลว่าเหล็กที่นำมาตรวจสอบนั้นไม่ใช่เหล็กใหม่ แต่เป็นเหล็กที่ใช้งานแล้ว จึงอาจมีผลต่อความแม่นยำในการทดสอบ
คณะกรรมาธิการจึงมีข้อเสนอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของรัฐบาล รวบรวมข้อมูลอย่างรอบคอบและเชื่อถือได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อป้องกันช่องโหว่ทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับบริษัทผู้ผลิตเหล็กทั้ง 2 ราย
ด้าน กรมโยธาธิการและผังเมือง ชี้แจงว่า ก่อนก่อสร้างอาคารราชการจะมีการตัดชิ้นเหล็กตัวอย่างไปตรวจสอบ โดยไม่ต้องขออนุญาตการก่อสร้าง แค่แจ้งให้ทราบเท่านั้น ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะทำหนังสือขอข้อมูลจากกรมโยธาธิการฯ เพิ่มเติม
สำหรับกระแสข่าวว่า สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม เคยอายัดเหล็กตกสเปกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 และยังไม่ได้รับการแก้ไข เนื่องจากโรงงานยังปิดดำเนินการจากเหตุเพลิงไหม้ จึงไม่สามารถผลิตเหล็กได้ในช่วงนั้น ขณะที่คำสั่งให้ปรับปรุงคุณภาพเหล็กก่อนจำหน่าย จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ว่า เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานจะไม่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการได้เสนอให้ กระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาเพิกถอนสิทธิประโยชน์การลงทุน (BOI) ของบริษัทผู้ผลิตเหล็กก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว โดย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ชี้แจงว่า การเพิกถอน BOI สามารถดำเนินการได้หากพบว่าผู้ประกอบการกระทำผิดกฎหมาย และเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณา