สงกรานต์ปีนี้ไม่ปังอย่างที่รัฐบาลโฆษณา “เดชรัต” ยกสถิตินักท่องเที่ยวเข้าไทยลดลง 9.46% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวจีนหายมากสุด ด้าน “ณัฐพล” ชี้สาเหตุมาจากปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์-ฝุ่นพิษ-เศรษฐกิจโลกผันผวน จี้รัฐเร่งแก้ก่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวสำคัญดับ
.
วันที่ 17 เมษายน 2568 จากกรณีที่เฟซบุ๊กเพจของพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อมูลสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 6-12 เมษายน 2568 รวมทั้งสิ้น 666,180 คน เฉลี่ยวันละ 95,169 คน โดยเพิ่มขึ้นจาก “สัปดาห์ก่อนหน้า” ถึง 10.73% ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีความคึกคัก ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 13 เมษายน 2568 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมรวม 10,738,424 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 516,589 ล้านบาท
.
จากข้อมูลดังกล่าว นายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) พรรคประชาชน ให้ความเห็นว่า เวลาเราพิจารณาข้อมูลอยากให้พิจารณาให้ครบถ้วน แล้วอาจจะเห็นภาพที่เปลี่ยนไป โดยหากอ้างอิงข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเมื่อปีที่แล้ว (8-14 เมษายน 2567) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทย 735,802 คน เฉลี่ย 105,115 คนต่อวัน ขณะที่ในปีนี้ (7-13 เมษายน 2568) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศไทยเพียง 666,180 คน เฉลี่ย 95,169 คนต่อวัน ซึ่งไม่ทะลุแสนคนต่อวัน เมื่อเทียบกันสองปี ปี 2568 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวลดลงถึง 9.46% ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก
.
นายเดชรัตกล่าวต่อไปว่า โจทย์ใหญ่คือนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเข้ามาท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 ลดลง 32% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเข้ามาท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 2 ลดลงถึง 45% ส่วนประเทศที่เพิ่มขึ้นคืออินเดีย (อันดับ 3) เพิ่มขึ้น 53% และรัสเซีย (อันดับ 4) เพิ่มขึ้น 16%
.
ถ้าเห็นข้อมูลรอบด้านมากขึ้น คงเข้าใจว่าตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวเลขที่น่ายินดี แต่เป็นตัวเลขที่ต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาในไทยลดลงมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยในเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน เดือนมีนาคมลดลง 9% และในครึ่งแรกของเดือนเมษายนก็ยังลดลงอีก โดยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 96,688 คนต่อวัน แต่ปี 2568 มีนักท่องเที่ยว 91,494 คนต่อวัน ลดลง 5.4% เราต้องรีบช่วยกันแก้ปัญหานี้ ก่อนที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจนี้จะช็อตไปอีก
.
ขณะที่ นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคประชาชน ให้ความเห็นว่า เมื่อเทียบตัวเลขนักท่องเที่ยวสองปีจะเห็นได้ชัดว่าลดลง ซึ่งผิดคาดไปจากที่รัฐบาลคิดว่าเมื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิดแล้วตัวเลขนักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุหลักที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปก็เพราะเหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงจีนไปเข้าร่วมขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ การหลอกลวงในบ้านเรามากเสียจนเขาไม่กล้ามา ซึ่งสะท้อนว่าการตลาดเชิงรุกที่ภาครัฐไทยพยายามทำยังไม่สามารถลบล้างภาพลักษณ์ด้านลบได้สำเร็จ
.
ส่วนเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหายไป เช่น สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งต่างชาติมีความกังวล ไม่อยากมาเพราะไม่อยากเจอฝุ่น รวมถึงเหตุผลด้านเศรษฐกิจโลกที่เริ่มจะไม่มั่นคง เอาแน่เอานอนกับสหรัฐอเมริกาไม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้กระเป๋าสตางค์ของคนทั้งโลกแฟบลง นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดจากการให้ฟรีวีซ่าก็นำมาซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไม่เคารพคน ไม่เคารพกฎระเบียบของบ้านเรา ถึงแม้อาจจะมีกรณีไม่มาก แต่เมื่อถูกสื่อสารออกไปก็ทำให้ภาพลักษณ์ด้านลบของประเทศไทยถูกกระจายออกไปแล้ว
.
นายณัฐพล กล่าวต่อไปว่า อันที่จริงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็รับทราบถึงแนวโน้มการถดถอยนี้ และมีความพยายามที่จะรับมือ แต่ผลยังไม่ปรากฏเท่าที่ควร โดยตนมีข้อคิดเห็นต่อนโยบายและมาตรการต่างๆ ของรัฐด้านการท่องเที่ยว ดังนี้
.
1. การเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-Made Destination) อย่างเช่นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คงไม่เกิดเร็วๆ นี้ ต้องใช้เวลาในการถกเถียงและก่อสร้างอีกยาวนาน แต่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในบ้านเรามีอีกมากที่ทำให้ดีกว่านี้ได้ คนไทยจะได้เที่ยวที่ใหม่ๆ และหยิบมาโฆษณาขายชาวต่างชาติได้
.
2. ปีที่แล้วรัฐบาลออกโครงการลดหย่อนภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง แต่ก็มีข้อจำกัดสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กที่ออกใบกำกับภาษีไม่ได้ ส่วนโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่มีข่าวออกมาก็ยังไม่เคาะวงเงินที่รัฐจะใช้ ก็ต้องคำนวณให้ดีว่าจะสร้างการหมุนเวียนเท่าไร คุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไปหรือไม่
.
3. ขอให้รัฐบาลถือโอกาสนี้มาโฟกัสที่คุณภาพชีวิตดีๆ มาตรฐานการท่องเที่ยวดีๆ โครงสร้างพื้นฐานของเมืองรอง การคมนาคมเชื่อมโยงที่สะดวกขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งคนไทยและคนต่างชาติ
.
4. กิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่สร้างการเดินทาง (Non-leisure Activities) เช่น การจัดประชุม การรักษาพยาบาล การมาเรียน การมาทำงาน งานกีฬา และกองถ่ายต่างประเทศ เป็นต้น กิจกรรมประเภทนี้มีหน่วยงานประจำ ทำอยู่แล้ว แต่ได้รับงบประมาณน้อยนิด รัฐบาลควรจะให้ความสำคัญมากขึ้นในช่วงนี้
.
5. การยกระดับเทศกาลไทยสู่ระดับโลกเพื่อดึงคน แนวคิดนี้ถูกต้องแล้ว ซึ่งไทยมีสงกรานต์กับลอยกระทง แต่เทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมารัฐบาลเคาะงบประมาณล่วงหน้าแค่ 1 เดือนครึ่งก่อนถึงวันงาน ส่วนการประชาสัมพันธ์ก็ล่าช้ามาก จึงไม่แน่ใจว่างานของรัฐบาลได้กระตุ้นให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นแค่ไหน แต่ปีนี้ยังมีโอกาสที่งานลอยกระทง ซึ่งกลางปีนี้รัฐบาลควรจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ได้แล้ว อย่าปล่อยให้ล่าช้า
.
และ 6. รัฐบาลมีคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งคณะท่องเที่ยวและคณะภาพยนตร์-ซีรีส์-สารคดี เราควรส่งเสริมการผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือคอนเทนต์เพื่อสร้างความหลงใหลให้คนอยากมาเที่ยวประเทศไทย และสอดแทรกภาพลักษณ์เชิงบวกเข้าไปเพื่อไปสู้กับภาพลักษณ์เชิงลบที่เกิดจากการแพร่กระจายข่าวระหว่างนักท่องเที่ยวด้วยกัน