ผลสำรวจล่าสุดโดย CNBC เผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญกับคะแนนนิยมด้านเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มดำรงตำแหน่ง ท่ามกลางความไม่พอใจในนโยบายด้านภาษี การขึ้นราคาสินค้า และการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
ข้อมูลจากการสำรวจชาวอเมริกัน 1,000 คนทั่วประเทศ พบว่า เพียง 44% เห็นด้วยกับการจัดการเศรษฐกิจของทรัมป์ ขณะที่ 51% ไม่เห็นด้วย ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นของคะแนนไม่เห็นด้วยเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเขาหมดวาระแรกในปี 2020
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งอิสระ และกลุ่มแรงงาน Blue Collar ที่เคยสนับสนุนเขา กลับแสดงจุดยืนเชิงลบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับกลุ่มเดโมแครตที่ให้คะแนนสุทธิติดลบถึง 90 จุด
“โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจ แต่จนถึงตอนนี้ ผู้คนกลับไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้น” เจย์ แคมป์เบลล์ จาก Hart Associates แสดงความคิดเห็น
ผลสำรวจยังเผยว่า 49% ของประชาชนคาดว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลงในปีหน้า ขณะที่ 57% เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย หรืออาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เพิ่มขึ้นจาก 40% ในช่วงเดือนมีนาคม 2024
ด้านนโยบาย “ภาษีศุลกากร” ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดขายของทรัมป์กลับกลายเป็นประเด็นที่ได้รับเสียงไม่เห็นด้วยมากที่สุด โดย 49% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่ามันส่งผลเสียต่อแรงงาน เงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโดยรวม
แม้คะแนนนิยมทางเศรษฐกิจจะดิ่งลง แต่ทรัมป์ยังได้รับการสนับสนุนในนโยบายด้านการย้ายถิ่นฐาน โดยเฉพาะการจัดการบริเวณชายแดนและการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย ที่ได้รับเสียงเห็นด้วย 53% และ 52% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นของชาวอเมริกันก็ลดลงด้วย โดย 53% มองว่าไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน ขณะที่มีเพียง 38% ที่คิดว่าตอนนี้ยังเป็นโอกาสที่ดี ซึ่งเป็นการพลิกจากช่วงที่ทรัมป์กลับเข้าดำรงตำแหน่งใหม่ ๆ อย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้คะแนนนิยมของทรัมป์จะสั่นคลอน แต่ผลสำรวจด้านความชอบต่อพรรคการเมืองยังคงทรงตัว โดย 48% สนับสนุนพรรคเดโมแครต และ 46% สนับสนุนพรรครีพับลิกัน