พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยความคืบหน้าคดีการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยได้ประสานขอเอกสารจาก สตง. ตั้งแต่แบบ TOR เริ่มต้น รายการคำนวณ วิธีการก่อสร้าง การแก้ไขแบบ รวมถึงเอกสารการลงลายมือชื่อ เพื่อใช้ตรวจสอบว่ามีการปลอมแปลงหรือใช้ชื่อบุคคลโดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งทาง สตง. ได้นัดจะส่งเอกสารให้พนักงานสอบสวนภายในวันที่ 25 เม.ย. นี้ เพื่อให้สามารถตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดครบถ้วนตั้งแต่ต้นทาง
ด้านการเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เช่น DSI กรมโยธาธิการฯ และกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ร่วมกันตรวจสอบและเก็บชิ้นส่วนก่อสร้าง เช่น เหล็กและปูน ซึ่งขณะนี้รอผลตรวจจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 60 ปาก ครอบคลุมทั้งบริษัทออกแบบและบริษัทควบคุมงาน เหลือเพียงบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม
ในส่วนของบุคคลที่ถูกเรียกสอบ พล.ต.ต. นพศิลป์ ระบุว่ามีการออกหมายเรียก นายปฏิวัติ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งรับงานควบคุมการก่อสร้างจาก สตง. โดยเข้าพบและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว 2 ครั้ง และอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารเพิ่มเติมเพื่อเข้าชี้แจงอีกครั้ง สำหรับผู้ที่อ้างว่าเคยทำงานกับผู้บริหาร สตง. และให้ข้อมูลกับ DSI นั้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างประสานงานกับ DSI เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยง
อย่างไรก็ตาม รอง ผบช.น. ยังกล่าวถึงการเรียกตัวแทนนิติบุคคล เช่น บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ว่า ได้มีการเรียกเข้ามาให้ข้อมูลบางส่วนแล้วในฐานะตัวแทนของบริษัทแม่ โดยทั้งหมดจะอยู่ในขอบเขตการสอบสวนที่เชื่อมโยงกับเอกสารและพยานหลักฐานที่สตง. จะต้องส่งมอบเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีในลำดับต่อไป ทั้งนี้ หากพยานหลักฐานเพียงพอ จะสามารถเสนอศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดได้ในที่สุด.
