นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวของไทยในเดือนเมษายน 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 700,000 ตัน ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (933,559 ตัน) โดยยอดรวม 4 เดือนแรกของปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 2.8-2.9 ล้านตัน จากปีที่แล้วที่เกิน 3 ล้านตัน
เขาชี้ว่า มี 4 ปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลให้ยอดส่งออกชะลอตัว ได้แก่
วันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ทำให้วันทำงานน้อย
ความต้องการข้าวขาวไทยลดลง โดยเฉพาะอินโดนีเซียหยุดนำเข้า ขณะฟิลิปปินส์หันซื้อข้าวจากเวียดนาม
ความไม่แน่นอนของภาษีนำเข้าข้าวไทยในสหรัฐ ทำให้ผู้ส่งออกระมัดระวังการค้ากับสหรัฐ แม้ตลาดยังมีความต้องการ
ความผันผวนของค่าเงินบาท ส่งผลให้การกำหนดราคาขายทำได้ยาก
นายชูเกียรติยังเสนอให้ ลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อบรรเทาค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งเป็นภาระต้นทุนของผู้ส่งออก พร้อมระบุว่า หากไทยเจอภาษีตอบโต้จากสหรัฐที่ 36% และเจรจาไม่ทันในกรอบเวลา 90 วัน จะทำให้ต้นทุนข้าวไทยพุ่งขึ้นอีกประมาณ 300 ดอลลาร์ต่อตันทันที
ขณะเดียวกัน ตลาดที่ยังมีการเติบโตคือ แอฟริกา โดยปีนี้คาดว่ายอดส่งออกข้าวนึ่งไปภูมิภาคนี้จะเพิ่มเป็น 900,000 ตัน จาก 800,000 ตันในปีก่อน
สถิติจากเดือนเมษายน 2567 ระบุว่าไทยส่งออกข้าวได้ 933,559 ตัน เพิ่มขึ้น 30.3% จากปีก่อนหน้า โดยข้าวขาวและข้าวนึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดส่งออกเติบโตสูง ส่วนข้าวหอมมะลิปรับลดลงเล็กน้อยที่ 7.1% โดยตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐ ฮ่องกง แคนาดา และยุโรป