นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้ส่งคำร้องทางไปรษณีย์ถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการดำรงตำแหน่งของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ว่าอาจขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบกับมาตรา 187 วรรคหนึ่ง ซึ่งกำหนดว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วน ผู้ถือหุ้น หรือกรรมการในบริษัทใด หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด
นายเรืองไกร ระบุในคำร้องว่า นายพีระพันธุ์ ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการใน 3 บริษัท ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งอาจถือเป็นการละเมิดข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ มาตรา 187
บริษัทที่นายพีระพันธุ์ยังคงเป็นกรรมการระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี:
1. บริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด – นายพีระพันธุ์ยังคงเป็นกรรมการของบริษัทนี้จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
2. บริษัท โสภา คอลเล็คชั่นส์ จำกัด – เขายังคงเป็นกรรมการของบริษัทนี้จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เช่นกัน
3. บริษัท รฟิโสภาค จำกัด – นายพีระพันธุ์ยังคงเป็นกรรมการอยู่ในบริษัทนี้ และข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่าเขาลาออกจากตำแหน่งกรรมการในภายหลัง
นายเรืองไกรได้ชี้แจงว่า ข้อมูลที่ได้รับจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงให้เห็นว่า นายพีระพันธุ์ยังคงเป็นกรรมการใน 3 บริษัทดังกล่าว ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ที่ห้ามรัฐมนตรีเป็นลูกจ้างของบุคคลใด หรือเป็นกรรมการของบริษัทที่อาจมีผลกระทบทางการเงินหรือผลประโยชน์ทับซ้อนกับการทำหน้าที่รัฐมนตรี
ทั้งนี้ นายเรืองไกรยังได้เสนอให้ กกต. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า นายพีระพันธุ์มีคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ โดยการเป็นกรรมการในบริษัทต่างๆ อาจเข้าข่ายการละเมิดข้อกำหนดในมาตรา 187 หรือไม่
นายเรืองไกรยังได้ยกตัวอย่างการลาออกของนายพีระพันธุ์จากตำแหน่งกรรมการของบางบริษัทหลังจากได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยระบุว่าเหตุการณ์นี้อาจสร้างความสับสนต่อประชาชนและควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด