นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ชี้แจงกรณีสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอใช้งบประมาณปี 2569 เกือบ 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพื้นที่ต่าง ๆ ภายในอาคารรัฐสภา โดยระบุว่า ตนรับผิดชอบเพียง 3 โครงการ ได้แก่ การปรับปรุงห้องสมุด พิพิธภัณฑ์รัฐสภา (งบ 120 ล้านบาท) และการปรับปรุงระบบเสียงห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง (งบ 99 ล้านบาท) โดยยืนยันว่า จะกำกับดูแลทุกขั้นตอนให้คุ้มค่าเงินภาษีของประชาชน

ในส่วนของพิพิธภัณฑ์รัฐสภา นายภราดรเผยว่า ต้องการสร้างให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของรัฐสภา เปิดให้ประชาชนเข้าถึง โดยใช้พื้นที่ว่างขนาด 5,000–6,000 ตารางเมตรที่มีอยู่แล้ว พร้อมตอบโต้คำวิจารณ์จากฝ่ายค้านที่เปรียบพิพิธภัณฑ์ว่าเป็น “สุสานใต้สภา” ว่าตนก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น จึงสั่งให้เร่งออกแบบให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่ใช้งานได้จริง

สำหรับห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง บริเวณชั้น B2 นายภราดรระบุว่า จะใช้เป็นห้องสัมมนาสำหรับคณะกรรมาธิการทั้งสองสภา ซึ่งเป็นแผนเดิมตั้งแต่เริ่มก่อสร้างอาคาร แต่ยังไม่ดำเนินการ โดยเห็นว่า ควรใช้งบประมาณเพื่อปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ มากกว่าปล่อยให้เป็นพื้นที่ร้าง ทั้งนี้ ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายจากการจัดสัมมนานอกสถานที่ ซึ่งงบประมาณได้ปรับลดจาก 160–170 ล้านบาท เหลือเพียง 99 ล้านบาท

นายภราดรย้ำว่า ขณะนี้เป็นเพียงขั้นตอนเสนอร่างงบประมาณ ยังไม่ได้อนุมัติ และจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ โดยจะมีคณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. และบุคคลภายนอก เข้ามาตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าโครงการใดไม่เหมาะสม ก็สามารถปรับลดงบได้

เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการปรับปรุงอาคารที่เพิ่งก่อสร้างไม่ถึง 5 ปี นายภราดรชี้แจงว่า บางพื้นที่ยังไม่สมบูรณ์หรือยังไม่ได้ดำเนินการ เช่น ห้องสัมมนา 1,500 ที่นั่ง ที่เตรียมไว้เฉพาะพื้นที่ ยังไม่ได้ติดตั้งระบบต่าง ๆ โดยอยู่ในแผนงานระยะที่ 2 และ 3

ทั้งนี้ เขายังกล่าวถึงกระแสสังคมที่วิจารณ์การใช้งบประมาณว่า เป็นเรื่องปกติ และถือเป็นสิ่งดีที่ประชาชนให้ความสนใจตรวจสอบการใช้เงินภาษี พร้อมชี้แจงเพิ่มเติมว่า งบประมาณที่เสนอไม่ใช่เพื่อซ่อมแซม แต่เป็นงบต่อเติมเพื่อพัฒนาส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จในการก่อสร้างเดิม