ดีเอสไอ โดยการนำของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้ดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งมีมูลค่าการเงินสะพัดกว่า 500 ล้านบาท โดยมีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าอาจเข้าข่ายการทุจริตเลือกตั้ง ผ่านการฮั้วคะแนนเสียง ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด จนถึงระดับประเทศ

ทีมสอบสวนจาก DSI นำโดย พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันด์กิจ นายระวี อักษรศิริ และนายเอกรินทร์ ดอนดง ได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการร่วมกับเจ้าหน้าที่ กกต. รวม 7 ราย เพื่อสอบสวนเชิงลึก โดยใช้หลักฐานจากการสืบสวนภาคสนาม ข้อมูลทางการเงิน โทรศัพท์ และสำนวนจากตำรวจท้องที่

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบขั้นตอนคัดเลือก สว. ณ เมืองทองธานี โดยมี พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้นำกลุ่ม สว.สำรอง เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2568 คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่มี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก เป็นประธาน ได้รวบรวมหลักฐานแล้วพบพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตหลายประการ ทั้งการฮั้วคะแนนซ้ำ ๆ การจ่ายเงินจูงใจผู้สมัคร รวมถึงเส้นทางเงินต้องสงสัยจำนวนมหาศาล

พรุ่งนี้ (8 พ.ค. 2568) กกต. เตรียมทยอยแจ้งข้อกล่าวหาแก่ สว. ลอตแรก 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ในความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 เช่น มาตรา 32, 36, 62, 70 และ 77 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงจำคุก 10 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี อย่างไรก็ตาม หากผู้ถูกกล่าวหาไม่มาให้ปากคำตามนัด จะถือว่าไม่ประสงค์ชี้แจง และ กกต. จะดำเนินการขั้นตอนเพิกถอนสิทธิและส่งเรื่องต่อศาลฎีกา

ในส่วนของคดีอาญา ดีเอสไอยังคงดำเนินการสอบสวนความผิดฐานฟอกเงินและอั้งยี่ ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องหลายร้อยราย รวมถึงกลุ่มโหวตเตอร์และผู้จัดการฮั้วคะแนนเสียง คดีนี้เมื่อเสร็จสิ้นจะถูกส่งต่อให้พนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาลอาญารัชดาฯ โดยผู้ต้องหาจะมีสิทธิ์สู้คดีในศาลทุกชั้น