“เศรษฐา” กล้าหาญ เด้ง “บิ๊กต่อ” เข้ากรุ
ผมเห็นวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แล้ว นึกถึงสมัยผมเด็กๆ ที่แย่งของเล่นแล้วทะเลาะกัน ระหว่างพี่กับน้อง ถูกพ่อแม่ทำโทษโดยการเฆี่ยนตีทั้ง2คน
กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นความขัดแย้งส่วนตัว เป็นอำนาจหน้าที่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรจะใช้อำนาจแก้ไขปัญหานั้นๆ ปัญหาความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สังคมไม่ได้รับรู้รายละเอียดของความขัดแย้ง พึ่งมารู้ก็ตอนที่คุณเศรษฐา เรียกทั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าพบ แล้วให้มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังจากนั้นก็ออกคำสั่งคำสั่งย้ายทั้ง 2 คน มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีทันที
ถ้าพูดถึงกรณีดังกล่าว ในฐานะที่เป็นคนสนใจการเมือง และติดตามข่าวความขัดแย้งการดำเนินคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็พบว่ามีแต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ส่งหมายเรียกให้ที่บ้านพักในซอยวิภาวดีรังสิต 60 โดยเป็นหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดี “สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน” แต่กรณีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังไม่ได้ปรากฏว่ามีคดี หรือหมายเรียกใดๆ
จึงทำให้แปลกใจว่า ทำไมคุณเศรษฐา ได้ใช้อำนาจทางการบริหารโยกย้ายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 2คน แม้จะให้เหตุผลว่าไม่ใช่เป็นการลงโทษ แต่ย้ายมาเพื่อเปิดโอกาสให้มีการสอบสวนได้สะดวกก็ตาม แต่ในความรู้สึกของสังคม ก็เหมือนกับการลงโทษนายตำรวจทั้ง2คน ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือ มีหมายเรียกเกี่ยวกับคดีแต่อย่างใด ทำให้เสียชื่อเสียง เกียรติยศ ของตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
การตัดสินใจของคุณเศรษฐา ต่อการโยกย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในครั้งนี้ นับว่าเป็นความกล้าหาญมาก เหมือนกับคนตาบอดที่ไม่กลัวเสือ ซึ่งจะต้องรอดูกันต่อไปว่า ในอนาคตจะถูกเสือตะปบหรือไม่