โอกาสข้าวหอมมะลิส่งออกอิตาลี หลังเวียดนาม-เมียนมา ถูกอียูตัดสิทธิ GSP อินเดียยังห้ามส่งออก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก สำรวจโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย ล่าสุดได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์มิลาน อิตาลี ถึงสถานการณ์การผลิตและการนำเข้าข้าวของอิตาลี และโอกาสในการขยายตลาดข้าวไทยในอิตาลีที่ในปี 2567 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
ในปี 2567 เกษตรกรอิตาลีจะกลับมาเพาะปลูกข้าวอีกครั้ง หลังจากเผชิญกับวิกฤตสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนและภัยแล้ง แต่ผลผลิตก็ยังไม่มากพอที่จะตอบสนองต่อความต้องการบริโภค ทั้งในประเทศและส่งออก
ทั้งนี้ในปี 2566 ที่ผ่านมา ตัวเลขจาก Global Trade Atlas พบว่า อิตาลีนำเข้าข้าวจากทั่วโลก มีมูลค่า 303.29 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.21% โดยไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญของอิตาลี โดยข้าวหอมมะลิไทย เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคท้องถิ่น ด้วยเม็ดข้าวที่มีความนุ่ม หอม อร่อย แต่ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับข้าวหอมและข้าวชนิดอื่นจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยเฉพาะข้าวจากเมียนมาและเวียดนาม
“แนวโน้มการส่งออกข้าวไทยไปอิตาลีในปี 2567 น่าจะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น เพราะอียูได้ระงับสิทธิ์ GSP จากเวียดนามและเมียนมา ทำให้ปี 2566 ทั้ง 2 ประเทศนี้ส่งออกไปอิตาลีลดลง 76.74% และ 76.54% ตามลำดับ และไทยยังได้อานิสงส์จากการงดส่งออกข้าวขาวของอินเดีย ทำให้ปี 2566 ข้าวไทยขยายตัวในตลาดอิตาลี และคาดว่ายังคงขยายตัวต่อเนื่องในปี 2567 ผู้ส่งออกไทยต้องเตรียมความพร้อมในการส่งออก แต่ในปี 2568 หากทั้งสองประเทศได้รับสิทธิ์ GSP อีกครั้ง อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย ซึ่งต้องจับตาต่อไป” นายภูมิธรรมกล่าว