สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วม กสทช. และกองกำลังบูรพา ตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ลอบลากสายอินเทอร์เน็ตมุดดิน-ข้ามแดน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจค้น 2 เป้าหมาย เป็นอาคารไม่มีเลขที่ ในพื้นที่ ม.7 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และบริษัทให้บริการเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ซึ่งเข้าข่ายความผิด ตาม มาตรา 67 (1) พรบ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต
สืบเนื่องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ศูนย์ AOC กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทำการปราบปรามการกระทำความผิดออนไลน์เชิงรุก เป็นที่มาให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตั้งชุดสายตรวจออนไลน์ เพื่อติดตามและตรวจสอบเว็บไซต์ผิดกฎหมาย
จากการสืบสวนพบเว็บไซต์กระทำความผิดทางออนไลน์ ที่มีการใช้บริการอินเทอร์เน็ต อยู่ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้นดังกล่าว โดยจุดแรก เป็นอาคารร้าง ที่เคยเป็นอาคารสำนักงานขายคอนโดมิเนียม จ.สระแก้ว มีการใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่น่าจะเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ และการพนันออนไลน์ โดยมีบริษัทเอกชนรายหนึ่ง เป็นผู้ขอใช้บริการติดตั้งอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสายอินเทอร์เน็ต แบบ leased line ความเร็วสูง (1000mbps/200mbps) อย่างผิดสังเกต ลักลอบฝังสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตใต้ดิน ลากผ่านที่ดินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณด้านหลังอาคารร้างดังกล่าว เป็นระยะทางกว่า 700 เมตร ก่อนจะข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชา มีการขอใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้งหมด 6 วงจร หมายเลข IP ที่เปิดให้บริการกว่า 384 หมายเลข มีชื่อผู้ขอใช้บริการอินเทอร์เน็ต 4 ราย แต่มีผู้ชำระค่าบริการรายเดือนเป็นคนเดียวกัน
ระหว่างที่รถขุดดินจากกองกำลังบูรพาฯ กำลังขุดเพื่อหาแนววางสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้น เจ้าหน้าที่พบว่าสายอินเทอร์เน็ต มีร่องรอยถูกตัดจำนวน 3 เส้น เมื่อดูกล้องวงจรปิด พบว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าค้นอาคารดังกล่าว ปรากฏภาพชาย 2 คน เข้ามาตัดสายอินเทอร์เน็ต
ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกชุด เข้าตรวจสอบจุดที่2 เป็นบริษัทให้บริการเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต กรุงเทพฯ หลังพบว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อขอใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตภายในอาคารร้าง ที่ จ.สระแก้ว พบตัว “นาย ก.” เป็นกรรมบริษัทฯ และเป็นผู้ชำระค่าบริการอินเทอร์เน็ตภายในอาคารร้าง
จากการสอบถาม “นาย ก.” รับว่าตนเป็นผู้ขอใช้อินเทอร์เน็ตและติดตั้งสายสัญญาณด้วยตนเอง รับว่าจ้างมาจาก “นาย ป.” เป็นรายเดือน เดือนละ 300,000 บาท เป็นเวลาเกือบ 2 ปี โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป