ชายฮ่องกงรายแรก ติดเชื้อ Monkey B เหตุถูกลิงกัด รักษาไม่ทันเสี่ยงเสียชีวิต
สำนักข่าวฮ่องกง รายงาน ศูนย์คุ้มครองสุขภาพ (CHP) ของกระทรวงสาธารณสุขฮ่องกง (DH) บันทึกผู้ป่วยรายแรกด้วยไวรัสบี เตือนประชาชนงดสัมผัสหรือให้อาหารลิงป่าเพื่อลดความเสี่ยงในการติดไวรัส
ทั้งนี้ชายวัย 37 ปี เข้าโรงพยาบาลย่ายไช หลังมีไข้และระดับความรู้สึกตัวลดลง ปัจจุบัน ผู้ป่วยอยู่ในอาการวิกฤต ต่อมา บริการห้องปฏิบัติการสาธารณสุขของศูนย์คุ้มครองสุขภาพยืนยันว่า มีไวรัสบีในตัวอย่างน้ำไขสันหลังของผู้ป่วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนทางระบาดวิทยาเพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติม
ขณะที่ครอบครัวของผู้ป่วยได้ให้ข้อมูลทีมสอบสวน ว่า ผู้ป่วยสัมผัสกับลิงป่าและได้รับบาดเจ็บจากลิง ระหว่างการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติคำซานเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
แม้ว่านี่จะเป็นกรณีแรกของการติดเชื้อไวรัสบีที่รายงานโดยศูนย์คุ้มครองสุขภาพ แต่ก็มีการบันทึกไว้ในภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา จีน และญี่ปุ่น กรณีเหล่านี้มักเกิดจากการถูกลิงกัดหรือข่วน โดยการติดต่อจากคนสู่คนนั้นพบได้น้อยมาก
ด้านโฆษกศูนย์คุ้มครองสุขภาพ เน้นย้ำว่า ไวรัสบีมีอยู่ตามธรรมชาติในน้ำลาย ปัสสาวะ และอุจจาระของลิง เช่น ลิงแสม ลิงวอก ลิงกัง เป็นต้น ซึ่งเป็นลิงป่าสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วไป ผู้ติดเชื้ออาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในระยะแรก (ผู้ที่ติดเชื้อจะแสดงอาการภายใน 1 เดือนหลังได้รับเชื้อ) อาทิ มีไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และปวดหัว จากนั้นจะเริ่มมีตุ่มน้ำพองบริเวณที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย หายใจลำบาก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้ายที่สุดไวรัสจะกระจายไปที่สมองและไขสันหลัง ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทรุนแรงและเสียชีวิตได้หลังติดเชื้อที่ก้านสมอง
ทั้งนี้ตามรายงานของมหาวิทยาลัยมหิดล อาการของการติดเชื้อไวรัสจากลิงสู่คน หรือที่เรียกว่า โรคไวรัสบี และ Monkey B ซึ่งเชื้อนี้ได้รับการจำแนกไว้เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2475 โดยเป็นเชื้อในวงศ์เดียวกับที่โรคเริม ซึ่งไวรัสในกลุ่มนี้ก็จะเป็นไวรัสที่มีความสามารถในการติดเชื้อที่เซลล์ประสาท ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับไวรัสบี ประชาชนควรปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้
-หลีกเลี่ยงลิงป่าและงดสัมผัสหรือให้อาหาร
-ในกรณีที่มีบาดแผลที่เกิดจากลิง ให้ล้างแผลด้วยน้ำไหลทันทีและไปพบแพทย์ทันที