“เทพไท” ทำนาย คดี112 “ทักษิณ” อาจจบที่สั่งไม่ฟ้อง?
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง คดี ม.112 ทักษิณ อาจเลื่อนอีก จบที่สั่งไม่ฟ้อง? เตือนโครงการแจกเงินหมื่น เสี่ยงคุก!!!
เมื่อวานนี้ วันที่ 10 เมษายน 2567 มีประเด็นข่าวสำคัญที่น่าสนใจอยู่ 2 เรื่อง คือ
1.เรื่องสำนักงานอัยการสูงสุด มีคำสั่งต่อคดีการกระทำผิดมาตรา 112 ของคุณทักษิณ ชินวัตร
2.การแถลงข่าวโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลล็อตของรัฐบาล
ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง ขอแสดงความเห็น ทั้ง2ประเด็นดังนี้คือ
1.เรื่องการสั่งคดีมาตรา 112 ที่มีคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ถูกกล่าวหานั้น ไม่ได้เกินความคาดหมาย ซึ่งได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อาจจะมีการเลื่อนการสั่งคดีออกไป แม้ว่าสำนักงานอัยการสูงสุด จะชี้แจงถึงเหตุผลการเลื่อนการมีคำสั่งคดี เป็นวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เนื่องจากพนักงานสอบสวน ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติม ตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งยังไม่ครบถ้วน แต่ในทางการเมืองสามารถวิเคราะห์ ได้ว่า คดีมาตรา112ของทักษิณ อาจจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ถ้าบิ๊กดีลหรือการดีลทางการเมืองไม่ราบรื่น ไม่ลงตัว อาจมีผลกระทบต่อคดีความของคุณทักษิณ ที่ยังค้างอยู่ได้ การเลื่อนคำสั่งคดีออกไป ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ด้วย และอาจจะมีการเลื่อนครั้งต่อไปอีก ส่วนตัวมั่นใจว่า คดีมาตรา112ของคุณทักษิณ อาจจะมีการเลื่อนออกไปอีก และถ้าหากไม่มีการเลื่อน ก็เชื่อว่าคดีนี้ สำนักงานอัยการสูงสุด จะมีคำสั่งไม่ฟ้องในที่สุด
2.การประกาศเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลล็อตของรัฐบาลที่ประกาศแหล่งเงิน 5 แสนล้านบาท มาจากงบประมาณปี67 จำนวน 175,000 ล้านบาท งบประมาณปี68 จำนวน 152,700 ล้านบาท เงินกู้จาก ธกส. 172,300 ล้านบาท รวมถึงเงื่อนไขการแจกเงินดิจิทัล10,000 บาท ให้เฉพาะคนที่มีรายได้ปีละไม่เกิน 840,000 บาท และมีเงินฝาก 500,000 บาท ซึ่งไม่ได้เป็นการแจกให้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน ตามที่ได้โฆษณาหาเสียงไว้
ผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินการคลัง เป็นเพียงแต่ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองเท่านั้น แต่เห็นว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลล็อตของรัฐบาลไม่ตรงปก ตามที่ได้ยื่นไว้กับ กกต.สมัยตอนหาเสียงหลายประเด็น เมื่อเป็นเช่นนี้ จะเป็นการทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งหรือไม่ และการเปิดโอกาสให้ประชาชนใช้เงินดิจิทัล10,000 บาทกับร้านสะดวกซื้อได้ จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน หรือธุรกิจรายใหญ่ จะเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนผูกขาด จะเป็นความผิดตามข้อสังเกตของ ปปช.หรือไม่
ถ้าการเปิดโอกาสให้มีการใช้เงินดิจิทัล10,000 บาทกับร้านสะดวกซื้อได้ เชื่อว่าเม็ดเงินไม่น้อยกว่า 50% ตกไปอยู่ในมือกลุ่มทุนและธุรกิจรายใหญ่ เป็นผู้รับประโยชน์จากโครงการนี้มากที่สุด