นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รับมอบทองคำจำนวน 12.5 กิโลกรัม จากการจัดงานบุญประเพณี “ผ้าป่า 12 เมษาฯ สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน” ครั้งที่ 13 ประจำปี 2567 ตามเจตนารมณ์ของหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อสมทบเข้าเป็นทุนสำรองเงินตรา ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3
ด้านนายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่าปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับบริจาคทองคำและเงินดอลลาร์สหรัฐรวมทั้งสิ้นเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และขอย้ำให้มั่นใจว่าทองคำทั้งหมดที่ได้รับบริจาคจาก ศิษยานุศิษย์ยังอยู่ครบถ้วนภายในห้องมั่นคงของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟ กำหนดให้นับเฉพาะทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99.5% ขึ้นไป มาเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่นับทองคำที่ได้รับโอนมาจากกระทรวงการคลังเมื่อสมัย ธปท. แบงก์ชาติก่อตั้ง 80 ปีที่แล้ว เพราะว่าทองจำนวนนั้น 9.6 ตันค่าความบริสุทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ 92% ไม่ได้สูงเท่ากับสมัยปัจจุบันจึงไม่สามารถรับได้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศจึงทำให้การรายงานเงินสำรองระหว่างประเทศที่รายงานต่อไอเอ็มเอฟลดลงจาก 244.1 ตัน เป็น 234.5 ตัน ของทองคำทั้งหมด
สำหรับผลกระทบในแง่ของการบันทึกบัญชีการแสดงรายงานทองคำในงบการเงินประจำปียังคงรายงานตามวิถีปฏิบัติตามทองคำแท่ง ไม่ว่าความบริสุทธิ์เท่าใดยังถูกเช็คในบัญชีสำรองเงินตรา แต่จะเริ่มรายงานทองคำตามนิยามใหม่ของ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งประชาชนจะเห็นรายงานการลดลงของทองแท่งในเว็บเว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย
bot.or.th
ขณะที่นายเศรษฐพุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมารับมอบทองคำวันนี้ยังเป็นการเป็นการเตือนสติตนด้วย เมื่อได้รับความไว้วางใจ เป็นการเตือนสติให้ตนตั้งใจทำหน้าที่เพื่อประชาชนต่อไป รัฐบาลมาแล้วไป ผู้ว่าฯ ธปท. ก็มาแล้วไป แต่สถาบัน องค์กรธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องอยู่และต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศให้มีความมั่นคง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของคนไทย