รัฐมนตรีพาณิชย์ ประกาศความร่วมมือกับ Be On Cloud ผู้ผลิตซีรีส์วายระดับโลกและ 2 หนุ่มนักแสดงชื่อดัง “มาย-อาโป” ช่วยดันสินค้าไทยสู่ตลาดในและต่างประเทศ หวังให้สินค้าไทยโกอินเตอร์ไปพร้อมกับธุรกิจอุตสาหกรรมภาพยนตร์ซีรีส์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้วย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าว “กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ Be On Cloud ผู้ผลิตซีรีส์วายระดับโลก MOC X BOC เพื่อผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ซีรีส์ชาย “Shine” ของ 2 หนุ่มแสดงชื่อดัง มาย-อาโป
“ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หน้าที่คือขายของ ให้สินค้าของเกษตรกรผู้ผลิตไทย มีโอกาสอยู่ในตลาดและในโลกได้ ตนได้เจอกับนายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส. กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย แนะนำให้เอาคู่ซีรีส์วาย มาย-อาโป เพราะเป็นคู่ที่น่ารักมาก อยากให้ทำโครงการร่วมกัน รวมความรักที่มีทั้งความรักที่มีต่อประเทศชาติ และคนที่รักน้องมาย-อาโป รวมกันให้สินค้าไทยก้าวไปสู่สินค้าระดับโลก”
“กระทรวงพาณิชย์ต้องทำสิ่งใหม่ๆออกนอกกรอบเดิม หลังจากคุยกับนายกฤษดา วิทยาขจรเดช ผู้กำกับร่วมและผู้บริหารค่าย Be On Cloud รับรู้เรื่องราว มาย-อาโป รู้สึกประทับใจที่คนรุ่นนี้คิดถึงประเทศชาติ มีคนที่รักเขามากซึ่งเป็นพลังที่มีศักยภาพมาก และปีนี้สมรสเท่าเทียมเกิดขึ้นแน่ มาจากพลังความรักของพวกท่านทุกคน เคารพในความเป็นคน รักแบบที่ตัวเองเป็น” นายภูมิธรรมกล่าว
ทั้งนี้นายกฤษดา วิทยาขจรเดช ผู้กำกับร่วมและผู้บริหารค่าย Be On Cloud กล่าวว่าไม่อยากทำให้จบแค่แมนสรวง ภาพยนตร์สามารถสร้างเศรษฐกิจในระดับเล็กจนถึงระดับใหญ่ได้ อยากนำพาสินค้าชุมชน สินค้าไทย เพราะเราภูมิใจในความเป็นไทย ถ้านำไปสู่ระดับโลกได้เราจะภูมิใจมาก และได้มาเจอกับ สส.กอล์ฟ ที่พูดเรื่องสมรสเท่าเทียม เชื่อมั่นว่าอนาคตสยามประเทศจะมีหวัง กระทรวงพาณิชย์มีฐานอยู่ทั้งต่างจังหวัด และต่างประเทศ เซอร์ไพรส์มากกับการทำงานเกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์ชื่นชมทีมงานทุกคน ตนมาถูกที่ อยากบอกทุกคนมาช่วยกันให้สินค้าไทยไปได้ และต้องทำได้แน่ หลังจากนี้จะประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ช่วยกันคัดเลือกสินค้า เราในฐานะคนทำคอนเทนต์ สนับสนุนสินค้าช่วยกันเลือกมาอยู่ในบท ทุกจังหวัดมีของดี
ขณะที่นายวิทยากร มณีเนตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าในปี 2566 มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ซีรีส์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมีมูลค่า 8,000 ล้านบาท โดยในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในกลุ่มภาพยนตร์และซีรีส์วายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากมูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท