กรุงเทพมหานครพร้อมด้วยหน่วยงานภาคี ทั้งภาครัฐและเอกชน แถลงข่าวความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนราชดำริ ตามโครงการ “ราชประสงค์โมเดล” ซึ่งเป็นโครงการ นำร่องบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการจราจรและปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณแยกราชประสงค์ ณ At work ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมทั้งนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาบริเวณถนนราชดำริทั้งสองฝั่ง จากนั้นชมจุดบริการรถแท็กซี่และจุดปักหมุดของรถบริการผ่านแอปพลิเคชันที่ศูนย์การค้าฯ จัดเตรียมไว้รองรับด้วย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในการแถลงข่าว ว่า “การป้องกัน คือ การปราบปรามที่ดีที่สุด ดังนั้นการป้องกันคือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุด ของทุกหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งการป้องกันต้องทำบนฐานข้อมูลและสถิติที่ชัดเจน ซึ่งในอนาคต กทม. จะเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน อาทิ การติดกล้องเพื่อทราบวงจร ของผู้ขับรถรับจ้างที่จอดแช่หรือไม่กดมิเตอร์ ข้อมูลของผู้ที่ชอบฝ่าฝืนกฎจราจร และขยายผลในการแก้ไขปัญหาจราจร สู่ถนนราชดําริต่อเนื่องถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึง Siam square ถนนพระรามที่ 1 ไปจนถึงแยกเพลินจิต ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ทั้ง 2 ฝั่ง และจุดที่มีเรื่องร้องเรียน หรือมีปัญหาการจราจรจนส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว เช่น แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ วัดโพธิ์ Central ลาดพร้าว ตลาดนัดจตุจักร ตรงข้ามเดอะมอลล์ บางแค สุขุมวิทช่วงนานา ถึง อโศก เป็นต้น”
ขณะที่ นอกจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนแล้ว กรุงเทพมหานครยังได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะผ่านแอปพลิเคชัน ทั้ง 10 บริษัท ในการให้ความร่วมมือกำหนดจุดปักหมุดเพื่อจุดจอดรับ-ส่ง ในพื้นที่บริเวณถนนราชดำริในจุดที่กำหนดไว้ เพื่อไม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเรียกใช้บริการรถที่จอดแช่บริเวณหน้าศูนย์การค้าทั้ง 2 ฝั่ง อีกทั้งได้กำชับผู้ให้บริการของบริษัท ตระหนักถึงปัญหาและไม่รับ-ส่ง นอกจุดที่กำหนด โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชัน จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ Grab, Bolt, Bonku, และ Maxim ซึ่งได้เริ่มดำเนินการและปักหมุดตามจุดที่กำหนดในระบบแล้ว และอีก 5 บริษัท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านดังกล่าวร่วมกัน