นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ หารือกับ Mr.Daisuke ODA ผู้บริหารบริษัท KALDI (คาลดี้) และคณะ เพื่อผลักดันสินค้าไทยไปจำหน่ายในร้าน KALDI ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกที่มีกว่า 270 สาขาในญี่ปุ่น และมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 30 สาขาในปีนี้ โดยมีสินค้านำเข้าทั้งอาหาร ผลิตภัณฑ์เกษตรและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และชวนบริษัทฯมาร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 ที่จะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 28 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้ เพื่อเลือกสินค้าไทยไปจำหน่ายเพิ่มด้วย ที่ห้องประชุมชั้น G โรงแรม Imperial เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ร้าน KALDI เป็นร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าที่นำเข้าจากหลากหลายประเทศ กว่า 10,000 รายการ จาก 90 ประเทศทั่วโลก มีสาขากระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่น ซึ่งสินค้าที่นำเข้าจะเป็นสินค้าที่เป็นที่รู้จักและมีความโดดเด่น รวมไปถึงสินค้าท้องถิ่นญี่ปุ่นที่มีความพิเศษและไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ตนจึงแนะนำให้ทางบริษัทนำเข้าสินค้าไทยไปจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น อาทิ กาแฟ ผลไม้และสินค้าไทย ซึ่งกาแฟของไทยเป็นกาแฟที่มีคุณภาพ ทั้งกาแฟดอยตุง ดอยช้าง ท่าวังผา จังหวัดน่าน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีผลไม้คุณภาพที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่น อาทิ กล้วยหอมทอง ทุเรียน และมังคุด สำหรับกล้วยหอมทองเราได้มีการปรับปรุงคุณภาพโดยใช้เทคนิคของผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นทำให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพตลอดทั้งปี จึงอยากแนะนำให้บริษัทฯนำเข้าผลไม้ไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่ยังได้เชิญชวนให้ทาง KALDI เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 ในช่วงระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้ เพื่อสัมผัสและเลือกสินค้าด้วยตัวเอง
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า สินค้าไทยที่มีศักยภาพและมีโอกาสขยายตัวในตลาดญี่ปุ่นได้มีหลายประเภท เช่น สินค้าผลไม้ไทย อาทิ 1. กล้วยหอม เนื่องจากไทยมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น หรือ JTEPA ทางญี่ปุ่นให้สิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีนำเข้ากล้วยจากไทยเป็นจำนวน 8,000 ตัน ซึ่งยังไม่ครบโควต้าที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นพัฒนาพันธุ์กล้วยหอมทองให้ตรงกับความต้องการของตลาดญี่ปุ่น 2.มังคุด เนื่องจากญี่ปุ่นผ่อนปรนการนำเข้ามังคุดจากไทยไม่ต้องผ่านการกำจัดศัตรูพืชด้วยกระบวนการอบไอน้ำ(Vapor Heat Treatment) ทำให้สะดวกต่อการนำเข้ามากขึ้นเป็นโอกาสดีหากญี่ปุ่นจะนำเข้าเพิ่มเติม 3. สินค้า Functional Food เช่น สินค้าอาหารที่ทำจากพืช ขนมขบเคี้ยวที่มีเส้นใย ดีต่อสุขภาพ อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย ก็เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ และน่าจะจำหน่ายได้ดี