“บิ๊กเต่า” ลุยสอบคดีโกงยา รพ.ทหารผ่านศึก เร่งตรวจผู้เกี่ยวข้องนับร้อย

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยความคืบหน้าคดีทุจริตยาและเวชภัณฑ์ รพ.ทหารผ่านศึก โดยตำรวจร่วมประชุมกับ ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก, ผอ.รพ.ทหารผ่านศึก, ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. เพื่อกำหนดแนวทางสอบสวน โดยแบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วย, ผู้สั่งการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ในวันที่ 5 มี.ค. คณะสอบสวนจะประชุมวางกรอบการทำงาน ตรวจสอบเวชระเบียนผู้ป่วย และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกว่า 100 รายที่ จ.ลพบุรี โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน เบื้องต้นพบว่ามีขบวนการใหญ่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ธุรการ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สืบทราบแล้วว่ายาที่ถูกทุจริตถูกส่งไปที่ใด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมถึงพบว่ามีบางรายยังคงกระทำผิดในโรงพยาบาลอื่นอีก ซึ่งจะมีการขยายผลต่อไป

“รักชนก” จี้เปิดมติบอร์ดประกันสังคม – จับตาการพิจารณาบำนาญชราภาพ

น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ เผย มติการประชุมของคณะกรรมการที่ตั้งโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือโดยอำนาจของกฎหมายสามารถเปิดเผยได้ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข่าวสารของราชการ หากไม่มีการกำหนดเป็นเอกสารลับ อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ พบว่าฝ่ายที่คัดค้านการเปิดเผยข้อมูลไม่ใช่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) แต่เป็นสัดส่วนนายจ้างในบอร์ดประกันสังคมที่ไม่ต้องการให้เปิดเผยรายงานการประชุมและมติบอร์ด ซึ่งเธอย้ำว่าความต้องการส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่อาจอยู่เหนือกฎหมายได้ ทั้งนี้เลขาธิการ สปส. รับปากว่าจะทยอยเปิดเผยมติคณะกรรมการต่าง ๆ ภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่ง น.ส.รักชนก ยืนยันว่าจะติดตามความคืบหน้า และหากไม่มีความคืบหน้า อาจต้องมีมาตรการกดดันให้เกิดการเปิดเผยข้อมูล นอกจากนี้แนวทางควบรวม 3 กองทุนสุขภาพ (ประกันสังคม-บัตรทอง-ข้าราชการ) คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องต้องเป็นผู้ให้คำตอบ และจำเป็นต้องสอบถามนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นการตัดสินใจในระดับนโยบายของทั้งกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงแรงงาน ส่วนกรณีบอร์ดประกันสังคมตีกลับการพิจารณาปรับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเกมการเมือง หรือเป็นการตอบโต้ที่ตนเองเผยข้อมูลของ สปส. นั้น เรื่องนี้จะถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 12 มีนาคม

สปส.เร่งเปิดข้อมูล-เดินหน้าศึกษาควบรวมสิทธิรักษาพยาบาล

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เผย ที่ประชุมได้ติดตาม 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การกำชับเปิดเผยข้อมูลราชการตามกฎหมาย, การเร่งเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานและมติที่ประชุมของ สปส. ผ่านเว็บไซต์ภายในสัปดาห์หน้า และแนวทางการควบรวมสิทธิประโยชน์ระหว่างประกันสังคมกับบัตรทอง ทั้งนี้ยืนยันว่าแนวคิดการควบรวมสิทธิรักษาพยาบาลมีการผลักดันมาตั้งแต่ปี 2538 แต่ยังต้องหารือแนวทางดำเนินการที่เหมาะสม ส่วนประเด็นการให้ สปส. ออกจากระบบราชการเป็นองค์กรอิสระ เคยมีการสำรวจความคิดเห็น พบว่าข้าราชการใน สปส. มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รัฐบาลจึงต้องพิจารณาผลกระทบต่อบุคลากรและงบประมาณ นอกจากนี้ นางมารศรียังชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิของผู้ประกันตน โดยระบุว่า เงินสมทบ 5% ของเงินเดือนสูงสุด 15,000 บาท หรือ 750 บาทต่อเดือน จะถูกแบ่งเป็นเงินออมชราภาพ 900 บาทต่อเดือน และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ซึ่ง สปส. จะมีการสื่อสารเพิ่มเติมต่อไป

23 ปีไร้ข้อสรุป! รักชนกจี้นายกฯ เคลียร์ปมรวมสิทธิรักษาพยาบาล

น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.พรรคประชาชน พร้อมคณะ เข้าหารือกับเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เกี่ยวกับแนวทางการเปิดเผยข้อมูลการบริหารประกันสังคม และสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล โดยชี้ว่าการควบรวมสิทธิรักษาพยาบาลระหว่างประกันสังคม บัตรทอง และสวัสดิการข้าราชการ ยังไม่มีข้อสรุปตลอด 23 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ย้ำว่าการตัดสินใจในเรื่องนี้ต้องมาจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสองกระทรวงหลัก คือ กระทรวงแรงงานและกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน โดยเสนอว่าผู้ประกันตนควรได้รับสิทธิที่ไม่ด้อยกว่าผู้ถือบัตรทอง และอาจพิจารณาแนวทาง “บัตรทองพลัส” อย่างไรก็ตามได้เรียกร้องให้มีการกำหนดระยะเวลาศึกษาและดำเนินการที่ชัดเจน ไม่ปล่อยให้ล่าช้าเหมือนที่ผ่านมา แม้อาจต้องใช้เวลา 4-5 ปี แต่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม