เดือด! แพทยสภาถกปมทักษิณชั้น 14 ลุ้นมติ 8 พ.ค. ชี้ชะตาโทษ-ยกฟ้อง

ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภา และประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้การสอบสวนได้เสร็จสิ้นแล้ว และผลสอบถูกส่งต่อให้อนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณา โดยคาดว่าจะมีการเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดแพทยสภาในวันที่ 8 พฤษภาคม หรืออย่างช้าภายในเดือนมิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กระบวนการของอนุกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งมีคนนอกที่ไม่ใช่แพทย์ร่วมด้วย จะใช้เวลาตรวจสอบสำนวนประมาณ 1-2 เดือน หลังจากนั้นจะส่งเรื่องให้บอร์ดแพทยสภาตัดสินว่า ผู้ถูกร้องมีความผิดหรือไม่ และจะลงโทษอย่างไร หรือจะยกข้อกล่าวหา หากมีการคัดค้านผลพิจารณา เรื่องจะถูกส่งต่อไปยังสภานายกพิเศษ และถ้าเกิดความเห็นไม่ตรงกันสุดท้ายก็อาจถึงขั้นยื่นเรื่องต่อศาลปกครองต่อไป ทั้งนี้ การตัดสินขั้นสุดท้ายขึ้นกับเสียงข้างมากของบอร์ดแพทยสภาเอง

“ทวี” ลั่น! ยธ.พร้อมแจงปม “ทักษิณชั้น 14” เชื่อศาลชี้ขาด เคลียร์ข้อกังขาสังคม

  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนเรื่องการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ว่า กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์เตรียมข้อมูลพร้อมชี้แจงต่อศาลแล้ว โดยการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องทำตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและคำสั่งศาลทุกอย่าง   ทั้งนี้สำหรับความกังวลของสังคม พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า การตั้งข้อสงสัยเป็นสิ่งที่ดี และสุดท้ายประชาชนจะคลายความสงสัยเมื่อศาลมีคำตัดสินถึงที่สุด ส่วนผลตรวจสอบจากแพทยสภาในวันที่ 8 พฤษภาคม ที่อาจชี้ว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ ตนยินดีรับฟังและเคารพกระบวนการตรวจสอบ เพราะเมื่อตนเข้ารับตำแหน่ง นายทักษิณพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่แล้ว และจนถึงตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ทั้งนี้ หากศาลเรียกไปชี้แจง ตนมองว่าควรถามรัฐมนตรีคนก่อน เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

พิสิษฐ์ลั่น! ไม่หวั่นคดีฮั้วเลือก สว. ยันไร้ ‘นายใหญ่’ คุมเกม

นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. และโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า กกต. เตรียมเรียก สว. 60 คน มารับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกตั้งว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบว่า 60 คนที่เป็นข่าวนั้นคือใครบ้าง และไม่ทราบว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากไหน ยืนยันว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญหรือเอกสารใด ๆ จาก กกต. ทั้งนี้ที่ผ่านมา กกต. เคยเรียก สว. ไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการกรอกเอกสารใบ สว.3 ซึ่งทุกคนก็ไปให้ข้อมูลตามหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องใหม่ และตนเองไม่รู้สึกกังวล เพราะยังไม่เห็นข้อเท็จจริงที่ชัดเจน   สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า สว. 138 คน เคลียร์กับ “นายใหญ่” แล้ว นายพิสิษฐ์ระบุว่า ไม่ทราบว่า “นายใหญ่” หมายถึงใคร และตอนเลือกตั้งก็ไม่รู้จักใครเป็นพิเศษ ยืนยันว่า สว. ทุกคนมีความอิสระตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ไม่ได้อยู่ใต้การควบคุมหรือสนับสนุนจากผู้ใหญ่คนใด และทุกคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง

สรรพสามิต ยืนยันการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ดีเซล-เบนซิน 1 บาท ไม่กระทบราคาขายปลีกน้ำมัน

  นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยตามมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและเบนซิน 1 บาทต่อลิตร ตามกฎกระทรวงใหม่ ฉบับที่ 42 พ.ศ. 2568 กรมสรรพสามิตขอยืนยันว่าการปรับครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ และจะไม่เพิ่มภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน   ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวมาพร้อมกับการพิจารณาปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และช่วยให้สถานะกองทุนมีเสถียรภาพมากขึ้น เป็นการสร้างสมดุลระหว่างการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐและการบริหารกองทุนน้ำมันให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

กทพ.ย้ำชัด! ทางด่วนจตุโชติ-ลำลูกกา ไม่ใช้ผู้รับเหมาต่างชาติ เร่งเปิดบริการปี 2570

ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยืนยันว่า โครงการทางพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยายช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา จะไม่ใช้ผู้รับเหมาต่างชาติ โดยงานก่อสร้างโยธาระยะทาง 16.21 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับ 6 ช่องจราจร เริ่มต้นที่ด่านจตุโชติ เชื่อมกับถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ตัดผ่านถนนหทัยราษฎร์และถนนนิมิตใหม่ สิ้นสุดที่ถนนลำลูกกา กม.21 ใช้งบลงทุนกว่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นผู้รับเหมา คาดว่าจะเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างในเดือนมิถุนายนนี้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี   สำหรับระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง วงเงินราว 1,000 ล้านบาท กทพ.เตรียมเปิดประกวดราคาใน 1-2 ปีหลังงานโยธาเสร็จสิ้น โดยตั้งเป้าให้เอกชนเร่งเปิดให้บริการภายในปี 2570 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดในสัญญาเดิมที่วางแผนเปิดปี 2571

สถานทูตไทยเตือนพลเมือง เลี่ยงเดินทางช่วงวิกฤติอินเดีย-ปากีสถาน

  ประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี เรื่อง คำแนะนำเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน   ด้วยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค. 2568 กองทัพอินเดียได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ (Operation SINDOOR) ที่พื้นที่เป้าหมายบริเวณพื้นที่ชายแดนอินเดีย-ปากีสถานซึ่งอินเดียเชื่อว่าเป็นฐานที่มั่นของกลุ่ม ผู้ก่อการร้ายที่ตั้งอยู่ในปากีสถานและพื้นที่แคชเมียร์ในการดูแลของปากีสถานจำนวน 9 แห่ง ส่งผลให้สถานการณ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถานมีความตึงเครียดมากขึ้น ดังนั้น   1. ขอแนะนำให้ติดตามสถานการณ์ผ่านแหล่งข่าวทางการและประกาศจากหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด รวมถึงปฏิบัติตามกฎระเบียบท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด   2. พิจารณาอย่างระมัดระวังในการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง อาทิ พื้นที่เส้นควบคุม (Line of Control) ดินแดนสหภาพจัมมูและแคชเมียร์ ชายแดนอินเดีย-ปากีสถาน และบริเวณอื่น ๆ ที่มีการสู้รบ ซึ่งหากไม่มีความจำเป็น อาจระงับการเดินทางดังกล่าวไว้ก่อน   3. หากมีเหตุจำเป็น สามารถติดต่อฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูตฯ ทางหมายเลข +91 95993 21484 (สายด่วน) หรือ Line ID: rte.del.consular   ขณะที่ […]