เพิ่มสินค้าเฝ้าระวังสวมสิทธิ์ส่งออก! ครอบคลุม 65 รายการ เร่งหารือสหรัฐ ลดกระทบเฟอร์นิเจอร์

างอารดา เฟ่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดเพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังการสวมสิทธิ์เพื่อส่งออก จากเดิม 49 รายการเป็น 65 รายการ ครอบคลุม 224 พิกัดภาษี โดยเฉพาะกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องหารือกับสหรัฐ เพื่อระบุรายละเอียดพิกัดสินค้าให้ชัดเจน ป้องกันผลกระทบต่อโอกาสส่งออกของไทย นอกจากนี้ ยังเตรียมติดตามข้อมูลสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแอบอ้างถิ่นกำเนิดไทยจากมาตรการเอดี มาตรการ 301 และมาตรการ 232 เพื่อออกมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม ก่อนเสนอรายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศใช้โดยเร็ว นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม กรมได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ ความร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา พัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับงานออกหนังสือสำคัญการส่งออก–นำเข้า ผ่านระบบ DFT SMART-I และ DFT SMART C/O ช่วยให้ผู้ใช้บริการทำธุรกรรมออนไลน์ได้สะดวกขึ้น และ MOU กับกรมสุขภาพจิต ภายใต้โครงการ “สุขภาพใจ เรื่องใกล้ตัวที่ควรตระหนัก” เพื่อส่งเสริมความตระหนักด้านสุขภาพจิตในที่ทำงานด้วย.

ค่าใช้จ่ายครัวเรือนพุ่งทะลุ 2 หมื่น! เสี่ยงซ้ำเติมหนี้-เศรษฐกิจฝืด

  สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) รายงานว่า เดือนเมษายน 2568 ครัวเรือนไทยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 20,982 บาท เพิ่มขึ้นราว 15% จากปีก่อน แบ่งเป็นหมวดไม่ใช่อาหาร-เครื่องดื่มกว่า 60% นำโดยค่าเช่าบ้าน ค่าไฟ ค่าน้ำมัน และค่าโทรศัพท์มือถือ ส่วนค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์คิดเป็น 39% โดยค่าอาหารสำเร็จรูปนำโด่งกว่า 3,400 บาทต่อเดือน   ทั้งนี้เมื่อเทียบกับเมษายน 2567 ซึ่งครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 18,187 บาท พบว่าค่าโดยสารสาธารณะ-น้ำมัน-โทรศัพท์เคยครองแชมป์การใช้จ่ายมากสุด ขณะที่ปีนี้ค่าอาหารนอกบ้านแซงขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่าย ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปกลับอยู่ในระดับต่ำ โดยเดือนเมษายนติดลบ 0.22% และคาดว่าไตรมาสสองจะขยายตัวเพียง 0.1-0.2% ซึ่งสวนทางกับภาระค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้น   ขณะที่เจ้าของโรงงานสินค้าอุปโภคบริโภค ระบุว่า ค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องท่ามกลางเงินเฟ้อต่ำ เป็นสัญญาณที่รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ และตรึงราคาสินค้า โดยเฉพาะเมื่อหนี้ครัวเรือนไทยเฉลี่ยทะลุ 2 แสนบาทต่อครัวเรือน หากปล่อยต่ออาจกระทบเศรษฐกิจและซ้ำเติมปัญหาภาวะฝืดเคืองที่กำลังก่อตัว

“สรวงศ์” ลั่น! กาสิโนต้องมา ลุยเปิดดีเบตทั่วประเทศ

  นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เผยความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า ขณะนี้รอให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางกลับจากต่างประเทศก่อน เพื่อหารือว่าฝ่ายใดจะเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน แต่หากสื่อมวลชนหรือองค์กรภายนอกต้องการจัดเวทีรับฟังความเห็นเอง รัฐบาลก็ยินดีและพร้อมที่จะเข้าชี้แจง   ทั้งนี้เมื่อถูกถามถึงกำหนดการว่าจะดำเนินการให้เสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกรกฎาคมนี้หรือไม่ นายสรวงศ์ยืนยันว่า “ได้ครับ ก็พยายาม ยังมีเวลาในการทำความเข้าใจอยู่” ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเองอาจไม่ถึงขั้นจัดกิจกรรมรณรงค์เรื่องกาสิโน โดยอยากให้เป็นบทบาทของคนกลางในการจัดงานมากกว่า   อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะอยู่ในลำดับแรกของการพิจารณาในสภาฯ หากไม่สามารถเข้าสู่สภาฯ ได้ทัน ก็จำเป็นต้องเลื่อนออกไปอีก แต่ยืนยันว่าจะผลักดันเข้าสภาฯ ในลำดับแรกแน่นอน

“อนุทิน” ประกาศชัด! งดต่อใบอนุญาตปืน ใครพก = ผิดกฎหมาย

  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยระบุว่า ตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่ง กระทรวงมหาดไทยไม่มีการออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน อีกทั้งได้สั่งห้ามปลัดมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอออกใบอนุญาตเช่นกัน   ทั้งนี้ใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนเดิมจะหมดอายุทุก 1 ปี และปัจจุบันไม่มีนโยบายให้ต่ออายุหรือจดทะเบียนปืนเพิ่ม ผู้ที่พกพาปืนในตอนนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสภาพจิตใจ ย้ำว่าห้ามพกพาอาวุธปืนออกนอกบ้านเด็ดขาด ต้องเก็บรักษาไว้ที่บ้านเท่านั้น

DSI ลุยสอบคดี สตง.ถล่ม! เช็กฮั้วประมูล-นอมินีจีน-เลี่ยงภาษี ครบทุกมุม

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยความคืบหน้าการสอบสวนกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม โดย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ ระบุว่า ในประเด็นคดีนอมินีของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ขณะนี้รอผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 รายเข้าชี้แจง ซึ่งคาดว่าจะส่งสำนวนให้อัยการภายใน 20 วัน ส่วนการขยายผลไปถึงนักลงทุนชาวจีน นายบิน ลิง วู ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มเติม ในส่วนคดีฮั้วประมูล ดีเอสไออยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานจากการประมูลโครงการ สตง. ซึ่งมีการใช้ทั้งระบบ E-bidding และวิธีคัดเลือก ขณะนี้สอบปากคำวิศวกรที่เกี่ยวข้องเกือบครบแล้ว พบทั้งผู้ที่ยืนยันว่าเป็นลายมือชื่อของตนเอง และผู้ที่อ้างว่าถูกปลอมลายมือชื่อ โดยมีการส่งตรวจสอบลายเซ็นกับกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำหรับคดีเลี่ยงภาษีของบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ดีเอสไอได้ส่งเอกสารการยื่นภาษีให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบความมีตัวตนของบริษัทแล้ว และเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติม ทั้งนี้ การเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเป็นความร่วมมือระหว่างกรมโยธาธิการและผังเมือง, สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดยได้ประสานให้เก็บเศษปูนจากการรื้อถอนเพิ่มเติมตามข้อเสนอของสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ แล้ว แต่ยังรอความคืบหน้า

‘ทุนอาชีพ 1 แสนล้าน’ แค่ฝัน? บอร์ดประกันสังคมย้ำยังไม่คอนเฟิร์ม”

  กรณีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบ “ของขวัญวันแรงงาน” ให้ผู้ประกันตนทั่วประเทศ ผ่านโครงการทุนอาชีพวงเงิน 100,000 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานวงเงิน 20,000 ล้านบาท ล่าสุด นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน ชี้แจงว่า ขณะนี้บอร์ดประกันสังคมยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับโครงการทุนอาชีพดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการสินเชื่อสำหรับผู้ประกันตน และคาดว่าวงเงินจริงจะไม่สูงถึง 100,000 ล้านบาทตามที่มีการกล่าวอ้าง   สำหรับโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานวงเงิน 20,000 ล้านบาทนั้น นายษัษฐรัมย์ระบุว่า บอร์ดประกันสังคมได้เห็นชอบในหลักการแล้ว และคาดว่าจะมีรายละเอียดชัดเจนภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและรักษาการจ้างงานของสถานประกอบการ โดยย้ำว่า สำนักงานประกันสังคมไม่มีแผนการปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่เกินกรอบที่กำหนดไว้ตามหลักการลงทุน

จุฬาราชมนตรี! ออกแถลงการณ์ ประณามการก่อเหตุรุนแรง

  สำนักจุฬาราชมนตรี ออกแถลงการณ์ ระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อันนำไปสู่การฆ่าประชาชน ผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความเศร้าสลด แก่ประชาชนชาวไทยอีกครั้งหนึ่ง ด้วยคนร้ายได้กระทำต่อผู้อ่อนแอ ผู้พิการ คนชรา ผู้หญิง นักเรียนศาสนา และเณร ซึ่งกลุ่มบุคลดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับความขัดแย้ง และกลุ่ม ผู้อ่อนแอเหล่านี้จะต้องได้รับการปกป้องในทุกกรณีจากเหตุการณ์ความรุนแรงในทุกรูปแบบ   สำนักจุฬาราชมนตรีขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างถึงที่สุดและขอประกาศ ด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนที่สุดว่า ไม่มีเหตุผล ข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าข้ออ้างทางการเมือง ชาติพันธุ์ ศาสนา หรือประวัติศาสตร์ในการก่ออาชญากรรมอันโหดเหี้ยมเช่นนี้   ในบริบทของพื้นที่ซึ่งมุสลิมผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นชนกลุ่มใหญ่ การฆ่าชีวิต นอกจากจะผิดกฎหมายบ้านเมืองและต้องได้รับโทษทางอาญาขั้นสูงสุดแล้ว ยังถือเป็นความผิด ทางศาสนาอย่างร้ายแรง ด้วยพระองค์อัลเลาะห์ (ซ.บ.) ได้ตรัสไว้ในบทอัลอิสรอด์ โองการที่ 33 ความว่า ” พวกเจ้าอย่าฆ่าชีวิตซึ่งอัลเลาะห์ทรงตราห้ามไว้ นอกจากโดยมีสิทธิอันชอบธรรม”   สำนักจุฬาราชมนตรี ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว ญาติพี่น้อง ของผู้บาดเจ็บ ผู้สูญเสีย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตาม กฎหมายโดยเร็ว และขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลสอดส่องความผิดปกติและเป็นหูเป็นตาให้แก่ เจ้าหน้าที่เพื่อสร้างมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน   […]