พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในแม่น้ำสาย-รวก หวั่นไหลทะลักสู่โขง หากต้นทางเมียนมายังไม่สกัด

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเปิดเผยผลตรวจสารหนูในแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก จังหวัดเชียงราย พบค่าสารหนูเกินมาตรฐานในหลายจุด โดยเฉพาะจุดปากแม่น้ำรวกที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง พบค่า 0.19 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานถึง 19 เท่า ชุดตรวจที่ใช้พัฒนาโดย สวทช. ตรวจวัดได้แม่นยายในภาคสนาม โดยทีมวิจัยชี้ว่าสารหนูอาจมาจากพื้นที่ทำเหมืองในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งน้ำหลากอาจพัดพามาในช่วงที่ผ่านมา ผลการตรวจน้ำประปาในพื้นที่ยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย เนื่องจากมีระบบกรองโลหะหนักอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม น้ำริมตลิ่งแม่น้ำกกบางจุดก็พบค่าสารหนูสูงถึง 0.17 มิลลิกรัมต่อลิตร สะท้อนถึงความเสี่ยงจากการสะสมของตะกอนที่ปนเปื้อน ทีมวิจัยแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรงในช่วงนี้ และเสนอให้มีการตรวจดินนาเพิ่มเติมเพื่อประเมินผลกระทบในวงกว้าง นักวิจัยเตือนว่าหากไม่มีมาตรการควบคุมสารเคมีจากต้นทางอย่างจริงจัง สถานการณ์การปนเปื้อนอาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเรียกร้องให้รัฐไทยเร่งดำเนินการทางการทูตกับเมียนมา เพื่อหยุดการไหลของมลพิษก่อนจะกระทบระบบนิเวศและประชาชนในวงกว้าง

ไทยได้ “C1” จาก FAA สหรัฐฯ หนุนเที่ยวบินตรง–ท่องเที่ยวพุ่ง!

นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เผยข่าวดี องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐ (FAA) ได้ปรับระดับความปลอดภัยการบินระหว่างประเทศของไทยกลับขึ้นสู่ระดับ “Category 1” อีกครั้ง หลังจากถูกลดลงเป็น “Category 2” มานานเกือบทศวรรษ โดยการยกระดับครั้งนี้จะเปิดทางให้สายการบินสหรัฐสามารถบินตรงเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างเป็นทางการ กระทรวงท่องเที่ยวฯ เตรียมเดินหน้าประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม สมาคมสายการบิน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อวางแผนรองรับโอกาสใหม่ในการขยายเที่ยวบินตรงจากสหรัฐ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงอย่างชาวอเมริกันที่ถือเป็นกลุ่มนักเดินทางใหญ่ที่สุดในโลก   นางสาวนัทรียายังเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงด้านการบิน (Connectivity) เพื่อเพิ่มที่นั่งบนเที่ยวบิน (Seat Capacity) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเดินทางท่องเที่ยว โดยได้สั่งการให้สำนักงาน ททท. ในสหรัฐเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น เพื่อโปรโมตประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลก

สมาคมค้าทองคำชี้ ราคาทองร่วงแค่ระยะสั้น ไม่ต่ำกว่า 50,000 ลุ้นพุ่งแตะ 60,000 ก่อนสิ้นปี

  นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เผยถึงสถานการณ์ราคาทองคำที่ผันผวนอย่างหนักในช่วงนี้ โดยระบุว่าเกิดจากการเทขายทำกำไรของนักลงทุนและกองทุนต่างชาติที่เข้าซื้อไว้ล่วงหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและนโยบายเศรษฐกิจของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังคงส่งผลต่อตลาดโลก โดยล่าสุด (1 พ.ค.) ราคาทองในประเทศร่วงแรงถึง 800 บาท   ทั้งนี้ราคาทองแท่ง ณ ปัจจุบัน รับซื้อที่บาทละ 51,000 บาท ขายออกที่บาทละ 51,100 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ รับซื้อที่บาทละ 50,086.64 บาท และขายออกที่บาทละ 51,900 บาท นายจิตติประเมินว่า แม้ราคาจะผันผวนต่อเนื่อง แต่โอกาสที่ราคาจะต่ำกว่าบาทละ 50,000 บาทนั้นมีน้อย และยังคงยืนยันว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและน่าลงทุน ทั้งในระยะสั้นสำหรับเก็งกำไร และระยะยาวสำหรับผู้มีเงินออม   ขณะที่สมาคมค้าทองคำคาดว่า ช่วงปลายปี ราคาทองคำในตลาดโลกอาจแตะระดับ 3,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองไทยอาจพุ่งขึ้นแตะ 58,000–60,000 บาทต่อบาททองคำ หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบ โดยยังต้องติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด

Kick Off ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้ 7 กลุ่มเสี่ยง ตั้งเป้า 6 ล้านคน ทั่วประเทศ ภายในสิงหาคม 2568

  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดกิจกรรม Kick Off รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเป้าหมาย โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค คณะผู้บริหาร อสม. และประชาชน เข้าร่วมกว่า 1,000 คน โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ดำเนินการตามนโยบายคนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศและพบผู้ป่วยจำนวนมากทุกปี โดย 14 สัปดาห์แรกของปี 2568 พบผู้ป่วยประมาณ 280,000 ราย สูงกว่าปีก่อน 2 เท่า และมีผู้เสียชีวิต 35 ราย การแพร่ระบาดของโรคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน ซึ่งการฉีดวัคซีนจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดการแพร่กระจายของโรคลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้   “ขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเป้าหมายเสี่ยง อาทิ เด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ผู้สูงอายุ […]

กปภ. เดินหน้า Step Test Day ปี 2 เร่งซ่อมท่อแตก หยุดน้ำรั่วไหล เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ

  การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จัดกิจกรรมโครงการ Step Test Day ปี 2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้ธีม “Leak รั่ว ไม่หลีกเลี่ยง” ระดมกำลัง 234 สาขาทั่วประเทศ ลงพื้นที่ค้นหาจุดแตกรั่ว พร้อมซ่อมแซมท่อประปาหยุดการรั่วไหลของน้ำ คาดหวังอัตราน้ำสูญเสียในภาพรวมของ กปภ. ลดลง เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชนอย่างยั่งยืน นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการ กปภ. เปิดเผยว่า กปภ. ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสีย ในระบบประปา จึงได้จัดกิจกรรมโครงการ Step Test Day เพื่อให้ กปภ. 234 สาขาทั่วประเทศ ลงพื้นที่ค้นหาจุดแตกรั่วของท่อประปาด้วยการแบ่งเป็นพื้นที่ย่อย และหยุดจ่ายน้ำทีละพื้นที่แบบมีลำดับ (Step Test) เพื่อให้ทราบปริมาณน้ำสูญเสียในแต่ละพื้นที่สำหรับดำเนินการค้นหาน้ำสูญเสียเชิงรุกและซ่อมท่อแตกรั่วที่พบต่อไป สำหรับปี 2568 กปภ. ได้จัดกิจกรรมโครงการ Step Test Day ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้ธีม […]