“อนุทิน” ซัดฝ่ายค้าน! ซักฟอกต้องใช้เหตุผล ไม่ใช่กดดันด้วยกระแส

  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจควรเป็นไปตามธรรมเนียม โดยฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง และจะหารืออีกครั้งวันที่ 19 มีนาคม ซึ่งรัฐบาลพร้อมชี้แจงและควรแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องให้เวลากับนายกรัฐมนตรีมาก เพราะท่านคงไม่ตอบยืดยาว   นายอนุทินยังกล่าวถึงการที่ฝ่ายค้านพยายามใช้กระแสสังคมกดดันรัฐบาลว่า วิธีนี้ไม่เคยประสบความสำเร็จ ควรใช้เหตุผลและทำงานร่วมกันในสภาฯ พร้อมย้ำว่าหากให้รัฐบาลมีเวลาชี้แจงมากขึ้น ก็จะสามารถนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้มากขึ้นเช่นกัน   “เราไม่ได้ชี้แจงให้สส.พรรคฝ่ายค้านเท่านั้น แต่เราชี้แจงให้ประชาชนฟังทั่วประเทศ ถ้าไปจำกัดเวลาก็อาจจะชี้แจงได้ไม่ครบถ้วน จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง เวลา 30 ชั่วโมง แบ่งได้อยู่แล้ว คงไม่ใช่ประเด็นอะไร ไม่ต้องถึงขั้นระดับหัวหน้าพรรค แค่ระดับวิปคุยกันได้”

“ไพบูลย์” ยัน “ประวิตร” เตรียมอภิปรายศึกซักฟอกเอง ชี้ข้อมูลบ่งบอกความบกพร่องนายกฯ ย้ำไม่ร่วมรบ.นี้ หวั่นเปรอะไปด้วย

  นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.นี้ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความมุ่งมั่นในการนำทัพ สส.ของพรรค สู้ศึกอภิปรายนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสาเหตุที่ท่านจะร่วมอภิปรายด้วยตัวเอง ก็เพราะให้ความสำคัญกับการทำงานของพรรคที่ต้องมีบทบาทในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภา   “พรรคพลังประชารัฐ เราจะไม่เข้าร่วมกับรัฐบาลที่มีปัญหาโดยการนำของนายกฯ ท่านนี้ ที่ไปไม่ได้ ใครเข้าไปก็เปรอะเปื้อน เพราะมีแต่เรื่องไม่ดี พรรคพลังประชารัฐจึงไม่มีทางไปร่วมด้วยเด็ดขาด ในเวลานี้เราจะไม่เป็นฝ่ายรัฐบาลแน่นอน เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปทำอย่างนั้น ในทางการเมืองเรามุ่งหวังที่จะเร่งรัดให้มีการยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ และหัวหน้าลงมือหาผู้สมัครต่าง ๆ ด้วยตัวท่านเอง ซึ่งถ้าดูในแง่ประวัติการณ์ทำงานของพรรค เรามีสิทธิได้ สส.ถึง 60 คน”นายไพบูลย์ กล่าว   นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า การไปออกรายการเคลียร์ทุกประเด็น ทำให้ภาพพจน์ของพรรคดีขึ้น ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ยิ่งทำให้สังคมเข้าใจพรรคพลังประชารัฐ และหันมาสนับสนุนเรามากขึ้น ขอให้รอดู การอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร มีคุณภาพไว้ใจได้แน่นอน แค่ท่านไปอภิปรายก็มีน้ำหนักสมบูรณ์แล้ว เพราะเห็นว่านายกคนนี้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ซึ่งในการอภิปรายต้องมีอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ตนไม่อยากพูดอะไรเกินไป ขอให้รอฟังวันอภิปรายเลยดีกว่า”

คืบคดี อดีตผู้กำกับโจ้! เลือด-ผ้าขนหนูเป็นของผู้ตายเอง!

พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก. สน.ประชาชื่น เผยความคืบหน้าการสอบสวนการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ในห้องขัง ระบุขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ผู้คุมขังและผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้รับมาแล้ว โดยคาดว่าจะทราบผลในสัปดาห์หน้า จากการพิสูจน์หลักฐานว่าไม่มีการตัดต่อภาพหรือไม่ นอกจากนี้ยังเปิดเผยถึงการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิต ซึ่งจะดำเนินการในวันที่ 17-18 มีนาคมนี้ เนื่องจากอัยการไม่สามารถเข้าร่วมในวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมาได้ พร้อมทั้งกล่าวถึงการตรวจสอบเสื้อผ้าของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่พบในห้องขัง 2 ตัว ที่ถูกพับไว้ รวมถึงกางเกงที่อาจมีความสำคัญในการพิจารณาหลักฐาน สำหรับไฟล์เสียงจากการเยี่ยมญาติของอดีตผู้กำกับโจ้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอไฟล์เสียงจากเรือนจำเพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งยังต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้ง ในส่วนของการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่าไม่มีดีเอ็นเอของบุคคลอื่นบนผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอตนเองของอดีตผู้กำกับโจ้ ขณะเดียวกันผลการตรวจดีเอ็นเอยังยืนยันว่าเลือดที่พบในห้องขังเป็นของอดีตผู้กำกับโจ้เอง และได้ส่งผลการตรวจทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

“อธิบดีราชทัณฑ์” ลั่น “ความจริงต้องเป็นความจริง” แจงปม “อดีต ผกก.โจ้” เสียชีวิตปริศนา

นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” หรือ ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล ว่า กรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ โดยชุดแรกจะตรวจสอบกรณีที่ครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ร้องเรียนมาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา และชุดที่สองจะตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ โดยมีหน่วยงานภายนอก 3 หน่วยงาน ได้แก่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, ตำรวจ และฝ่ายปกครอง มาร่วมตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความจริง นอกจากนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังเปิดเผยว่าในวันที่ 11 มี.ค. ทางกรมฯ ได้พาตัวแทนสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และมอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมงตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังการเสียชีวิต เพื่อให้สังคมเห็นข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์จะไม่ปิดบังและพร้อมที่จะเปิดข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากตอนนี้สังคมคาดการณ์ไปต่างๆ นานา แต่สุดท้ายแล้วความจริงก็คือความจริง “ส่วนรายละเอียดระหว่างวัน อดีต ผู้กำกับโจ้อยู่แดน 5 คนเดียวในห้องแยกควบคุม ตื่นเช้าทำกิจกรรมปกติ มีการพบทนายหรือญาติบ้าง และร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ผู้ต้องขัง แต่วันเกิดเหตุได้มีการเยี่ยมญาติเป็นระยะเวลานานพอสมควร จากนั้นเวลาประมาณ 3-4 โมงเย็น อดีตผู้กำกับโจ้เดินกลับไปยังเรือนนอน ส่วนที่ผ่านมาเคยคุยกับญาตินานถึงไหนก็ต้องไปตรวจสอบ […]

“จุลพันธ์” แจงกลางสภา ใช้ 2 แอปคู่กัน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยันกรอบเดิมทันไตรมาส 3

จากกรณีนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามเรื่องเพย์เมนต์แพลตฟอร์มในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่าจะใช้แอปพลิเคชันใดเป็นหลักในการจ่ายเงิน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลุกตอบว่า ระบบจะใช้ได้ 2 ช่องทาง คือ แอปทางรัฐที่กำลังพัฒนา และแอปธนาคาร โดยสุดท้ายต้องเชื่อมกันทั้งสองทาง ทั้งนี้นายจุลพันธ์ยืนยันว่า API บลูปริ้นท์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ระบบแอปอยู่ในความปลอดภัยสูงสุด และกรอบเวลายังคงเดิม คาดว่าโครงการจะเสร็จทันไตรมาส 3 แม้ว่าระบบย่อยหลายส่วนยังไม่สามารถระบุวันเสร็จสิ้นได้แน่ชัด ขณะที่นางสาวศิริกัญญา ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลระบบจริง แต่กลับตอบคำถามเรื่องความคืบหน้าไม่ได้ อาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในโครงการ พร้อมตั้งคำถามถึงการจำกัดสิทธิร้านค้ารายย่อยและกระบวนการลงทะเบียนที่อาจให้สิทธิพิเศษแก่บางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ย้ำว่า แอปทางรัฐพัฒนาโดย DGA โดยไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง และรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการเพื่อให้ระบบพร้อมใช้งานตามกำหนด โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการเพิ่มเติม

รัฐเดินหน้ากวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า-แก๊สหัวเราะ “จิราพร” ตั้งเป้าผลภายใน 30 วัน

  ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการจับกุมขบวนการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ โดยระบุว่าการกวาดล้างครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากกว่า 20 หน่วยงาน มุ่งสกัดกั้นการนำเข้าและขยายผลสู่ผู้ค้ารายใหญ่ พบผลิต Pod K รายแรกในไทย สถิติจับกุมพุ่งสูง จากผลการจับกุมตั้งแต่ 26 ก.พ. – 12 มี.ค. 2568 พบการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 1,078 คดี ยึดของกลางกว่า 9 แสนชิ้น มูลค่ารวม 118 ล้านบาท ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับยอดการจับกุมทั้งปี 2567 นอกจากนี้ ยังพบการผลิต Pod K รายแรกในไทย ถือเป็นแนวโน้มที่น่ากังวล และจำเป็นต้องเร่งปราบปรามอย่างจริงจัง รัฐบาลคุมเข้ม ปราบปรามทุกช่องทาง ไม่มีละเว้น น.ส.จิราพร ระบุว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เข้มงวดกับการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงการจำหน่ายผ่านร้านค้าออนไลน์และหน้าร้าน โดยจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีการยอมความ และขยายผลไปถึงเส้นทางการเงินร่วมกับ ปปง. เพื่อสกัดกั้นขบวนการทั้งหมด “รัฐบาลจะกวาดล้างไม่สนว่ารายใหญ่หรือรายเล็ก […]