“ชูวิทย์” ชี้ความผิดพลาดคดี “จีนเทา” การจับกุมที่ผิดพลาด-ขาดหลักฐานสำคัญ

ล่าสุดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้แสดงความเห็น ระบุถึงความผิดพลาดของคดีนี้ว่า 1. การวางแผนจับกุมที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก กำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จนปล่อยผู้ต้องหาไป โดยไม่รู้ตัวเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ยังไม่ได้เก็บข้อมูล โดยเฉพาะผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายหวัง เจิ้นหนาน หลานชายนายตู้ห่าว 2. เก็บหลักฐานไม่ครบถ้วน ทั้งสถานที่ รถยนต์ และยังเว้นวรรคตามไปเก็บอีกภายหลัง ทำให้หลักฐานสูญหาย โดยเฉพาะในคดียาเสพติดต้องมีหลักฐานครบถ้วนเพื่อเชื่อมโยง แต่มีการขัดแย้งในการทำงาน เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ ทั้งตำรวจหลายหน่วย อัยการ ป.ป.ส. ร่วมกันลงพื้นที่ และมีประเด็นขัดแย้งกันเอง ตำรวจบอกค้นไม่ได้ แต่ ป.ป.ส. บอกค้นได้ เป็นต้น 3. การปล่อยรถของกลาง และผู้ต้องหารายสำคัญหายไป จึงขาดการเชื่อมโยง มีทั้งปล่อยผู้ต้องหากลางทาง ปล่อยรถของกลาง โดยมีคนหิ้วเงินมาให้ มีหลักฐานแต่เรื่องเงียบ และตกหล่นหายไปตามกาลเวลา 4. มีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นตำรวจในการปกปิด ช่วยเหลือ ซึ่งขอไม่เอ่ยนาม ทำให้คดีตกหล่น สาระสำคัญออกไปจากสำนวน 5. มีการตัดต่อกล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานสำคัญ เซิฟเวอร์หายไป มีไม่ครบ ถูกตัดต่อ […]

“พระพยอม” ชี้มนุษย์มักไหลตามน้ำ เตือนรัฐบาล ไตร่ตรองแก้กฎหมายขายเหล้าวันพระ

จากกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาการแก้กฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. และการจำหน่ายในวันพระ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีการพูดถึงมานาน โดยรัฐบาลต้องพิจารณาถึงผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและศีลธรรมก่อนดำเนินการต่อไป ด้าน พระราชธรรมนิเทศน์ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว แสดงความเห็นว่า แม้การท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลดีและผลเสียของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากเศรษฐกิจดีขึ้นแต่ต้องแลกด้วยการลดทอนศีลธรรม ก็เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาให้รอบคอบ พร้อมเตือนว่าประเทศไทยควรรักษาวัฒนธรรมและคุณธรรมของตนเอง ไม่จำเป็นต้องเดินตามแนวทางของประเทศอื่น ทั้งนี้ พระพยอมเน้นย้ำถึงผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจนำไปสู่ปัญหาสังคม หากรัฐบาลพิจารณาว่าการแก้กฎหมายนี้ช่วยเศรษฐกิจและไม่กระทบต่อศีลธรรม ก็ควรดำเนินการอย่างรอบคอบ แต่หากส่งผลเสียมากกว่า ก็ควรยับยั้งไว้ก่อน เพราะมนุษย์มักปล่อยตัวตามกระแส เมื่อกฎหมายเปิดช่องให้มากขึ้น อาจทำให้การควบคุมพฤติกรรมการบริโภคเป็นไปได้ยากขึ้น

“ลมนิ่ง” ส่งผลฝุ่นมา 2 วันนี้ขณะที่ ปภ.ช. คาดหลังอาทิตย์ที่ 16 ก.พ. สถานการณ์ดีขึ้น ขณะที่มาตรการห้ามเผาควบคุมได้มากกว่า 75% แล้ว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) ติดตามการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในขณะนี้มี 62 จังหวัดที่ประกาศห้ามเผาแล้ว ซึ่งถือว่าเกินเป้าหมายกว่าร้อยละ 75 แต่ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์นี้ ขอให้เฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น เนื่องจากกระแสลมอ่อนกำลังลง ทำให้กระแสลมหยุดนิ่งในช่วงหนึ่งถึงสองวัน ตามที่กรมควบคุมมลพิษได้รายงานภาพรวมสถานการณ์ฝุ่นทั้งประเทศ ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นไปตามคาดการณ์ว่า ฝุ่นจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ รวมถึง 17 จังหวัดภาคเหนือที่เริ่มมีค่าเกินมาตรฐาน โดยคาดว่า หลังจากวันที่ 16 กุมภาพันธ์ สถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานครและภาคเหนือตอนบน ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า ได้รายงานสถานการณ์จุดความร้อนในวันนี้พบว่า ประเทศไทยมีจุดความร้อนรวม 881 จุด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้น 90 จุด โดย 5 […]